เลือก หลอดไฟ LED เลือกใช้ แบบไหนดี?
หลอดไฟ ใครๆก็รู้จัก แต่รู็จักแบบไหน บางคนรู้แค่ว่า หลอดไฟคือสิ่งที่ส่องแสงสว่างออกมาได้ จะเลือกแบบไหนก็ได้ แต่หารู้ไม่ ว่ามันคืออะไร ทำหน้าที่อะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เนื่องจากหลอดไฟมีการใช้
งานมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกเรา มันส่งผลให้ “หลอดไฟ” ในยุคใหม่ ๆ ที่ออกมามีความเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ความทนทาน ความประหยัด และที่สำคัญหลอดไฟรุ่นใหม่ ๆ จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ หลอดไฟอัจฉริยะ (Smart Light Bulbs) ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมาย ให้คุณได้ใช้งาน แต่ก็นั่นแหละครับ ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ก็มาพร้อมกับการใช้งานที่วุ่นวายมากขึ้นด้วย
แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเพียงแค่หลอดไฟธรรมดา ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เราขอแนะนำ “หลอดไฟแอลอีดี (LED)” หลอดไฟคุณภาพสูงที่ทั้ง ประหยัดพลังงาน มีความทนทานสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าหลอดไฟทั่วไปหลายเท่าตัว ให้แสงสว่างที่นุ่มนวล ดูสบายตา และสามารถนำไปติดตั้งแทนหลอดเดิมได้ทันที ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ หลอดไฟ LED เป็นหลอดไฟที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
คำแนะนำในการเลือกซื้อ หลอดไฟแอลอีดี (LED)
1. ประเภทของ
หลอดไฟ LED “หลอดไฟ LED” เป็นหลอดไฟที่มีประสิทธิภาพ มีความสว่างมาก ให้แสงที่นุ่มนวลสบายตา มีความร้อนน้อยทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และนอกจากนั้นยังใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไฟแบบเดิมมาก ซึ่งหลอดไฟ LED ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนหลอดไฟแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือน โดยเราสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามการใช้งาน ดังนี้
1.1 หลอดไฟLEDแบบกระเปาะ (LED Bulb) : เป็นหลอดไฟที่มีหลายรูปทรง โดยรูปแบบที่เราสามารถพบเห็นได้ง่ายก็จะเป็นทรงกลมหรือทรงน้ำเต้า ซึ่งเป็นหลอดไฟที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ทดแทน หลอดไส้ และหลอดตะเกียบ ที่กินไฟมาก มีอายุการใช้งานไม่นาน อีกทั้งยังมีความร้อนสูง ซึ่งหลอด LED Bulb จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างหมดจด โดยตัวหลอดจะใช้ขั้วแบบเดียวกันกับที่ใช้อยู่ในหลอดไส้หรือหลอดตะเกียบซึ่งทำให้คุณสามารถชื้อมาเปลี่ยนทดแทนได้เลย
1.2 หลอดไฟLEDแบบยาว (LED Tube) : เป็นหลอดไฟรูปทรงกระบอก แบบยาว ที่ใช้กันทั่วไปตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ โดย หลอดไฟ LED Tube ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดนีออน ซึ่งจะเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้นจากเดิม
2. ขั้วของหลอดไฟ
จากในข้อแรกหลอดไฟทั้ง 2 ประเภทจะใช้ขั้วของหลอดไฟที่แตกต่างกัน ฉะนั้นขั้วของหลอดไฟก็สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทเช่นกัน คือ ขั้วแบบเกลียว และขั้วแบบเขี้ยว ซึ่งเป็นขั้วที่นิยมใช้งานกันทั่วไปตามอาคารบ้านเรื่อน ส่วนขั้วหลอดไฟแบบอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับงานเฉพาะทางเท่านั้น จะไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ โดยขั้วหลอดไฟทั้ง 2 ประเภทนั้น สามารถแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ได้อีกดังนี้
2.1 ขั้วแบบเกลียว : มี 3 ขั้วหลัก ๆ คือ E14, E27 และ E40 ซึ่ง E14 จะนิยมใช้กับหลอดรูปทรงจำปา ทรงเปลวเทียน หรือหลอดที่มีรูปทรงเล็ก ๆ ส่วน E40 จะใช้ร่วมกับหลอดที่มีกำลังวัตต์สูง ๆ ส่วนขั้วที่นิยมใช้มากที่สุด คือ ขั้ว E27 เป็นขั้วที่สามารถใช้กับหลอดไฟรูปทรงต่าง ๆ ได้มากมาย และสามารถนำหลอด LED Bulb มาติดตั้งทดแทนได้เลย
2.2 ขั้วแบบเขี้ยว : มีอยู่ 3 ขั้วหลัก ๆ เช่นกัน คือ G13, GU10 และ GU5.3 แต่ขั้วที่นิยมใช้กันมากที่สุด และเรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือ ขั้ว G13 ซึ่งเป็นขั้วแบบเดียวกันกับที่ใช้สำหรับหลอดนีออน T8 หรือ หลอดไฟยาว ๆ ที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปตามอาคารบ้านเรือน ซึ่งสำหรับ หลอด LED Tube รุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมกับ สตาร์ทเตอร์ ที่สามารถใช้ติดตั้งทดแทนของเดิมได้เลย
3. มาตรฐานและความปลอดภัย
ก่อนการเลือกซื้อหลอดไฟมาใช้งาน ควรตรวจสอบตัวสินค้า เพื่อดูถึงมาตรฐานต่าง ๆ และรวมไปถึงความปลอดภัยด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลอดไฟแอลอีดีมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ซึ่งบางรุ่นก็มีราคาที่ถูกมาก ๆ ซึ่งแน่นอนละครับคุณภาพก็ตามราคา บางรุ่นอาจไม่ทน บางรุ่นอาจไม่ได้ประหยัดไฟ หรือบางรุ่นอาจไม่ค่อยสว่าง ฉะนั้นก่อนการตัดสินใจควรพิจาราณาให้ถี่ถ้วน
เครดิต https://www.richestsupply.com/
