แนวทางการร่วมบูรณาการเพื่อพัฒนา "อีอีซี" สู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
ความท้าทายของทุกภาคส่วน ในการเป็น สมาร์ทซิตี้
"เมืองน่าอยู่ สู่เมืองอัจฉริย" ในพื้นที่ศักยภาพของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะเกิดขึ้นได้ต้อง ร่วมกันของทุกภาคส่วน และผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากนโยบายเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ส่วนหนึ่งในการสัมมนาวิชาการออนไลน์ "แนวทางการร่วมบูรณาการเพื่อพัฒนา EEC สู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ" EEC towards smart livable city จัดโดย นักศึกษาหลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต X-DBA รุ่นที่ 7 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ ความสำคัญของเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ แนวทางการบูรณาการ ร่วมกันของทุกภาคส่วนและผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากนโยบายเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ว่า การที่จะเป็นเมืองน่าอยู่แล้ว อัจฉริยะ ต้องพึ่งพาความมีวินัย และสุจริต ต้องไม่มีการคดโกง บริหารบนหลักธรรมาภิบาล ความอัจฉริยะของเมืองต้องขึ้นอยู่กับคน ไม่ใช่เพียงแค่พึ่งเครื่องไม้เครื่องมืออย่างเดียวในการเป็นอัจฉริยะ แต่มันต้องน่าอยู่ด้วย ให้ดูตัวอย่างพัฒนาการศึกษาอย่างโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่มีการพัฒนามาเป็นอย่างดี มีทั้งข้อดี และจุดอ่อน เพราะฉะนั้นเอาสิ่งดีๆ มาพัฒนาก็จะทำให้ อีอีซี มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง และสัมพันธ์กัน
นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านนโยบายและแผน สำนัก
งานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวในมุมมอง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ยกระดับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยว่า การส่งเสริมเมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่เป็นหนึ่งในหลายแผนการพัฒนาของอีอีซี โดยแผนงานนี้มีเจ้าภาพคือ คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นเลขานุการคณะกรรมการ ด้วยการพัฒนาได้ใน 2 แนวทาง คือ การพัฒนาเมืองใหม่ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ และเมืองเก่าที่มีศักยภาพให้เป็นเมืองอัจฉริยะ โดยขั้นตอนจะขออนุมัติจากคณะกรรมการระดับจังหวัด และคณะกรรมการชุดใหญ่ของประเทศ และเมื่อได้รับการอนุมัติจะมีการขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ
การพัฒนาเมืองอีอีซี จะมีการศึกษา โดยเอาเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใส่ 7 เรื่อง ได้แก่ พลังงาน สุขภาพสาธารณสุข ข่าวสารข้อมูล คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การเพิ่มรายได้ให้คนในพื้นที่ด้วยการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ที่ให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเข้าถึงดิจิทัลได้มากกว่า 70%
ปัจจุบันมีเมืองในพื้นที่อีอีซีที่ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ จังหวัดชลบุรี โครงการสามาร์ทซิตี้ และโครงการ EECi ในจังหวัดระยอง ส่วนเมืองใหม่ที่จะเป็นเมืองอัจฉริยะในอนาคต มีอีก 10 พื้นที่ใน 3 จังหวัดที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ บริเวณใกล้สนามบินอู่ตะเภาในรัศมีรอบ 30 กิโลเมตร พื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง เมืองเมดิเคิลฮับ จ.ชลบุรี อีอีซีเมืองธุรกิจน่าอยู่
ทางด้าน
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดระยอง 4 สมัย กล่าวถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะว่า รัฐบาลต้องการวางเป้าหมายให้อีอีซีเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนเชื่อมั่น ซึ่งต่อยอดจากฐานอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีความพร้อมเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานนอกจากนี้ในการผลักดันให้เป็นเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จะต้องมีระบบสาธารณสุขที่ดี โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคเอกชนผลักดันโครงการสุขภาพที่สำคัญ คือ
ศูนย์จีโนมิกส์แห่งชาติ ที่มหาวิทยาลัยบูรพา โดยจะมีการเก็บตัวอย่าง 5 หมื่นคนในพื้นที่อีอีซี 3 จังหวัด เพื่อให้สามารถรักษาในระดับพันธุกรรมตามแผนงานการแพทย์อีกด้วย
และจะมีการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดงให้มีศักยภาพในการดูแลประชาชนในพื้นที่อีอีซี โดยเป็นโครงการการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โครงการแรกของกระทรวงสาธารณสุขและภาคเอกชนในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเพื่อลดความแออัด และยกระดับโรงพยาบาล โดยต้องมีการเปิดประมูลเพื่อเสนอราคาและโครงการในการดูแลประชาชนเพื่อเป็นพื้นที่ลงทุน ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่จะมีการลงทุนแบบ PPP ซึ่งเมืองอัจฉริยะจะเป็นเมืองน่าอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีคุณภาพชีวิต และคุณภาพที่ดีด้วย