การแข่งขันทางดิจิทัลมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ยุคทองกำลังใกล้เข้ามา
อีสต์ เวนเจอร์ส (East Ventures) บริษัทร่วมลงทุนแบบไม่เจาะจงอุตสาหกรรมผู้บุกเบิกด้านการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและมีบทบาทมากที่สุดในอินโดนีเซีย ร่วมกับคาตาดาต้า อินไซต์ เซ็นเตอร์ (Katadata Insight Center) และพีดับบลิวซี อินโดนีเซีย (PwC Indonesia) เปิดตัวดัชนีวัดศักยภาพการแข่งขันทางดิจิทัลประจำปี 2565 ในชื่อ East Ventures - Digital Competitiveness Index 2022 หรือ EV-DCI 2022 โดยรายงานการวิจัย EV-DCI 2022 วัดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของอินโดนีเซียในหัวข้อ "Towards Indonesia Digital Golden Era" (สู่ยุคทองทางดิจิทัลของอินโดนีเซีย)
"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการนำเสนอ EV-DCI 2022 อีกครั้ง ในปีนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเติบโตในอินโดนีเซีย และความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นด้วย เราหวังว่า อีสต์ เวนเจอร์สได้ให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดผ่านรายงาน EV-DCI ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคดิจิทัลเพื่อให้กระจายการแข่งขันทางดิจิทัลในอินโดนีเซียได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น" คุณวิลสัน ชัวเชอ (Willson Cuaca) ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของอีสต์ เวนเจอร์ส กล่าว
รายงาน EV-DCI ประจำปี 2565 นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลใน 34 จังหวัดและ 25 เมือง/เขตในอินโดนีเซีย การแข่งขันด้านดิจิทัลในภูมิภาคต่าง ๆ ในอินโดนีเซียยังคงมีแนวโน้มที่ดี เห็นได้จากคะแนน EV-DCI 2022 ที่ 35.2 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 32.1 คะแนน (2564) และ 2 ปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 27.9 (2563)
คุณมุลยา อัมรี ( Mulya Amri) ผู้เชี่ยวชาญจากคาตาดาต้า อินไซต์ เซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า ความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้นในหลายจังหวัดนอกเกาะชวา โดยกล่าวว่า "แม้ 10 อันดับแรกที่มีคะแนน EV-DCI สูงสุดในการจัดอันดับนี้ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในเกาะชวาและบาหลี แต่จังหวัดอื่น ๆ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างดี"
ช่องว่างในการแข่งขันทางดิจิทัลที่ลดลงนั้นยังเห็นได้จากค่าสเปรดที่น้อยลง โดยค่าสเปรดหรือความแตกต่างระหว่างจังหวัดที่ได้คะแนนสูงสุด (จาการ์ตา 73.2) และต่ำสุด (ปาปัว 24.9) ในรายงาน EV-DCI ปี 2565 นั้นอยู่ที่ 48.3 ในขณะที่ในปี 2564 และ 2563 เท่ากับ 55.6 และ 61.9 ตามลำดับ โดยคุณมุลยา กล่าวว่า "ค่าสเปรดที่น้อยกว่าสะท้อนให้เห็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของจังหวัดในระดับกลางและระดับล่าง"
รายงาน EV-DCI ประจำปี 2565 ยังเสริมด้วยผลการสำรวจบริษัทดิจิทัล 71 แห่ง การวิเคราะห์ 8 ภาคส่วน และมุมมองจาก 18 บุคคลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำหนดนโยบายในรัฐบาลอินโดนีเซีย เช่น รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการเศรษฐกิจ รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการการเดินเรือและการลงทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรัฐวิสาหกิจ (BUMN) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอื่น ๆ นอกจากนี้ มุมมองดังกล่าวยังรวมถึงผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ เช่น ซีอีโอของโกทู (GoTo), ซีอีโอของเซ็นดิต (Xendit), ประธานบริษัททราเวลโลก้า (Traveloka) เป็นต้น
ในการสัมภาษณ์พิเศษ มุมมองหลายแง่มุมช่วยเสริมศักยภาพของอินโดนีเซียสู่ยุคทองดิจิทัล บุคคลเหล่านี้เน้นย้ำถึงขั้นตอนและกลยุทธ์ที่กำลังดำเนินการ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
คุณแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต ( Airlangga Hartarto) รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการเศรษฐกิจอินโดนีเซีย กล่าวว่า การยกระดับสู่ดิจิทัลให้มูลค่าเพิ่มในด้านต่าง ๆ ได้ "การเร่งความเร็วในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างโอกาสที่เท่าเทียมและหลากหลาย และส่งเสริมโอกาสและผลผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม"
คุณลูฮัต บินซาร์ ปันด์ใจตัน ( Luhut Binsar Pandjaitan) รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการการเดินเรือและการลงทุนอินโดนีเซีย กล่าวว่า ประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นเมื่อยกระดับระบบของรัฐบาลให้เป็นดิจิทัล "ทางรัฐบาลกำลังตั้งเป้าหมายให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น และวิธีหนึ่งที่จะบรรลุเป้าหมายนี้คือการนำระบบดิจิทัลมาใช้ ด้วยระบบดิจิทัล ทุกอย่างจะเชื่อมโยงกัน การทุจริตจะลดลง ประสิทธิภาพจะดีขึ้น และเราจะแข่งขันได้มากขึ้น"
คุณบูดี กุนาดี ซาดิคิน ( Budi Gunadi Sadikin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวว่า มาตรฐานข้อมูลที่ดำเนินการโดยการแปลงเป็นดิจิทัลนั้นส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคสุขภาพได้ "การกำหนดมาตรฐานข้อมูลด้านสุขภาพทำให้รวมข้อมูลเหล่านี้เข้ากับแพลตฟอร์มได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การฉีดวัคซีน โรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการ ความหวังของเราคือให้สตาร์ทอัพพัฒนาและใช้แพลตฟอร์มนี้ได้"