เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2553
รถผมจอดอยู่หน้าร้าน ปกติเหมือนทุกๆวัน และจอดอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเป๊ะ ห่างจากฟุตพาท ไม่น่าเกิน 20 เซนติเมตร และมีมอเตอร์ไซด์ของร้านข้างๆ จอดอยู่ด้านหลัง จากนั้นมีรถปิคอัพ ขับมาและจอด จ่อมอเตอร์ไซด์ โดยรถคันดังกล่าวติดเครื่องอยู่ และคนขับก็เดินลงมาจากรถ มารู้ภายหลังเกิดเหตุว่าคนขับปิคอัพติดเกียร์ไว้ รถจึงค่อยๆ ไหลมาชนมอเตอร์ไซด์ และลากจนมาก็อปปี้กับกันชนรถของผม แรงอัดทำให้รถมอเตอร์ไซด์เข้าไปอยู่ใต้ท้องรถผมบางส่วน สภาพมอเตอร์ไซด์ ตัวบังโคลบแตก หัวรถและแฮนด์บิดเบี้ยว คันเบรกบิดงอ ส่วนรถผมข้างใต้ท้องรถ มีรอยครูด และขอบกันชนด้านล่างฉีกประมาณ ครึ่งคืบ พอดีว่าเจ้าของปิคอัพบอกว่ามีประกันชั้น 1 จึงชะล่าใจไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ และอีกอย่างเจ้าของรถรู้จักกับร้านขายอาหารข้างๆร้านผม (ซึ่งเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์) และพูดจาดี ประณีประนอม เมื่อพนักงานประกันภัยมาถึง เค้าก็ขอใบขับขี่ของผม ขอ พ.ร.บ. ของผม ผมก็รีบให้ไป โดยยังไม่ได้ถามอะไรมากมาย เมื่อพนักงานคนนั้นเคลียร์เรื่องเอกสารกับเจ้าของมอเตอร์ไซด์เรียบร้อยแล้ว จึงเข้ามาในร้านของผม และออกเอกสารให้แผ่นหนึ่ง และบอกว่าให้ไปที่อู่ๆ หนึ่ง จากนั้นผมถามว่าตกลง จะเปลี่ยนกันชนให้ผมใช่ไหม เพราะรถคันนี้เป็นของแม่ผม เค้าบอกว่าให้เอาเอกสารไปยื่นที่อู่ก่อน ทางเค้าจะคุมราคาอีกที ผมจึงรับเอกสารมาโดยไม่ได้รู้ขั้นตอนมากนัก ก็ต้องทำตามที่เขาบอก ซึ่งกว่าผมจะมีเวลาเข้าไปที่อู่ก็ปาเข้าไป วันที่ 23 ตุลาคม เมื่อเข้าไป เสมียนที่อู่ก็ขอ ใบขับขี่ ขอ พ.ร.บ. ขอเอกสารจากประกัน และขอสมุดทะเบียนรถ ผมก็จัดหาให้ พอถึงขั้นตอนสรุป เสมียนคนนั้นถามผมว่าพร้อมจะเอารถมาจอดเพื่อรอคิวซ่อมเมื่อไหร่ ผมก็งงครับ และก็ถามกลับไปว่า ให้ทางอู่สั่งกันชนมาก่อนได้ไหม เมื่อได้มาแล้วให้โทรแจ้งผมจะเอารถเข้ามาให้ทางอู่ถอดเปลี่ยน โดยผมจะได้มีรถใช้งานด้วย ปรากฏว่าเสมียนแจ้งผมว่า ลักษณะนี้ส่วนใหญ่ประกันจะให้ซ่อม ผมจึงแย้งไปว่า ทำไมไม่ถามความต้องการของลูกค้า(คู่กรณี)ก่อน หล่ะครับ หลังจากนั้นก็เกิดการโต้กันพักนึง เพราะผมมองว่าอู่ๆนี้ กระทำการเสมือนรักษาผลประโยชน์ให้กับบริษัทประกัน ไม่ได้คำนึงถึงสิทธิ์ของผู้บริโภคเป็นอันดับแรก สังเกตจากการที่ไม่ได้ถามว่าผมต้องการอะไร อย่างไร จู่ๆก็สรุปเองว่าจะให้ผมเอารถมาจอดเพื่อซ่อม ดังนั้นผมจึงเดินออกมาจากออฟฟิตของอู่ และโทรหา พนักงานประกัน ซึ่งเค้าก็ไม่อธิบายอะไรผมเท่าไหร่ กลับบอกให้ผมติดต่อไปฝ่ายควบคุมราคาในวันจันทร์ ประหนึ่งว่าขี้เกียจอธิบาย และโดยไปให้คนอื่นรับต่อ อีกอย่างลืมไปว่าวันจันทร์เป็นวันหยุดชดเชยวันปิยะ พอผมจี้หนักเข้าด้วยว่าเริ่มโกรธและไม่เข้าใจ เค้าก็ตัดสายผมไปเลย โทรกลับไปเค้าก็ไม่รับสาย หลายครั้งเข้าก็ปิดสายไปเลย ผมจึงกลับเข้าไปคุยกับเสมียนอู่อีกครั้ง เกี่ยวกับกันชนรถ เค้าบอกว่ารถแม่ผมเก่าแล้ว อายุเกิน 2-3 ปี แต่โทษทีครับ คำว่าเก่าหากพูดกันลอยๆ หลายคนอาจนึกถึงสภาพที่ทรุดโทรม แต่ แม่ผมเป็นครู อายุท่านตอนนี้ 55 ปี ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณโลครึ่ง ไปกลับ รวมถึงไปตลาดจ่ายกับข้าว ไม่น่าเกิน 5-6 โล ต่อวัน รถแม่เคยเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์เฉี่ยวชน ประตูหน้าขวา 1 ครั้ง และมีรถกระบะขับมาเบียดประตูหลังขวา 1 ครั้ง บอกได้เลยเพราะรถคันนี้ไม่คิดจะขายอยู่แล้ว กันชนหน้าหลังเป็นอะหลั่ยของแท้ ไม่เคยมีรอยแตกหรือฉีกขาด แถมสีเดิมไม่มีริ้วรอย ร่องรอยบาดหรือเฉือนเข้าในเนื้อวัสดุใดๆเลย แต่เค้าพูดโดยไม่เดินออกไปดูรถเลย ผมจึงบอกว่าจะผมไม่ใช่คนฉวยโอกาส แต่ก็ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบ จึงเสนอทางเลือกไปว่า ของมือ 2 ผมก็เอา แต่ขอเป็นของแท้เหมือนเดิม และสภาพต้องไม่ต่างจากเดิม หากไม่ได้ตามนั้นจะฟ้อง ส.ค.บ เท่านั้นปหละเสมียนก็เปลี่ยนพฤติกรรมทันที และบอกว่าจะเขียนรายงานไปถึงบริษัทประกันถึงความต้องการของผม จากนั้นผมรอประมาณ 2 สัปดาห์ เสมียนอู่ โทรมาตามให้เข้าไปเทียบรุ่น และรับใบเสร็จสั่งสี เมื่อผมเข้าไปถึงอู่ เค้าสั่งให้คนงานไปยกเอากันชนมาเทียบก่อนทำสี ปรากฏว่าของที่เค้าสั่งมาให้เป็นมือ 2 จริงๆอย่างที่ผมเปิดช่องให้ แต่โทษทีสภาพที่ผมเห็นมันเทียบกับอันเก่าไม่ได้ แม้แต่คนงานที่ยกมันมายังพูดกับผมเลยว่า ของพี่ดูดีกว่ามาก ทำให้ผมเริ่มโกรธ จึงเดินเข้าไปบอกเสมียนว่าผมขอคุยกับบริษัทประกันก่อนแล้วกัน วันนั้นเลยผมเข้าไปหาคู่กรณีที่ร้านของเค้า แฟนเค้าที่เป็นฝรั่งพูดไม่ค่อยดี เค้าบอกว่าเค้าไม่สนใจเพราะเค้าจ่ายให้ประกับไปแล้ว ผมต้องไปเรียกเอากับประกัน (ทำให้ผมคิดย้อนไปว่ารู้งี้ผมแจ้งความตั้งแต่วันนั้นดีกว่า) แต่คนก่อเหตุซึ่งเป็นผู้หญิงไทยค่อนข้างดี จึงยอมคุยกับผมและโทรถามที่บริษัทประกันให้ แต่เท่าที่ฟังเค้า(บริษัทประกัน)ไม่ยอม โดยให้เลือกว่าจะรับของที่สั่งมา หรือจะซ่อมอันเก่า เหตุผลเดิมคืออายุรถเก่าแล้ว???? คู่กรณีคงรู้สึกเหนื่อยใจจึงยื่นโทรศัพท์มาให้ผมคุย พวกคุณรู้ไหมว่าพนักงานพวกนี้เป็นพวกเห็นแก่ตัวมากๆ มีอยู่ประโยคหนึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องสู้และตีแผ่เรื่องนี้ คือเค้าบอกว่ากฏของบริษัท คือ "ถ้าเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินคู่กรณี ทางบริษัทฯ จะทำกลับให้คืนสภาพเดิม" (ฟังแล้วน่าจะดูดี) แต่ผมถามว่าถ้าคุณทำกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วเจ้าของไม่พอใจจะทำอย่างไร เค้าก็ตอบว่า เค้าทำได้เท่านี้ตามกฏของบริษัท ผมถามว่าถ้าผมยอมให้ซ่อมอันเก่า หรือ ใช้ของที่เค้าสั่งมาให้โดยต้องโป้วและเชื่อมประสานเนื้อกันชน หากวันหนึ่งสีมันลอกร่อน หรือ รอยเชื่อมมันปริแตกจะทำอย่างไร เค้าตอบว่าเค้าจะประกันให้ 6 เดือน???? ผมจึงตอบไปว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ กันชนรถแม่ผมน่าจะมีอายุการใช้งานนานกว่านั้น อาจจะ 2-3-4 ปี หรือจนกว่าจะมีใคร หรือทางเราขับไปทำให้มันเสียหายเอง เค้าก็ตอบกลับมาอีกว่า เค้าทำให้กลับสู่สภาพเดิมแค่นั้น ผมจึงตั้งคำถามว่ากฏของบริษัทคุณคือกฏหมาย ที่ทุกคนต้องยอมรับหรือไม่ เค้าตอบว่า ใช่ หลังจากนั้นผมก็ตั้งคำถามและต่อว่าเค้าไป(โดยไม่มีคำหยาบ)แล้วเค้าก็สรุปว่าเค้าจะสั่งมือสองอันอื่น มาใหม่แล้วกัน...ถามว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะจัดการอย่างไร
ผมอยู่จังหวัดกระบี่
บริษัทประกันที่ว่าคือ บริษัทธนชาต
เสมียนชื่ออุ๊ อู่อยู่เยื้อง makro กระบี่