สายที่ 1 เชื่อมระหว่างปักกิ่งของจีน กับสถานีคิงครอสส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระยะทาง 8,100 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางเพียง 2 วัน ด้วยความเร็ว 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สายที่ 2 จะลากผ่านลงตอนใต้ของจีน และเชื่อมกับประเทศในอาเซียน ผ่านมาตั้งพม่า ลาว ไทย เขมร เวียดนาม มาเลเซีย และไปทะลุที่สิงคโปร์
สายที่ 3 เชื่อมเยอรมนี ผ่านรัสเซีย ข้ามเขตไซบีเรียสู่จีนแผ่นดินใหญ่
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/26196
เมื่อเร็วๆ นี้จีนประกาศตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักหรือโตกว่า 10% เรียกว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตร้อนแรงมาก ถนนลงทุนทุกสายจากทั่วโลกต่างเคลื่อนไหวเข้าจีนอย่างคึกคัก
แต่ประเด็นที่อยากจะนำมาขยายความในฉบับนี้คือ เครือข่ายรถไฟความเร็วสูง กับแนวคิดที่ลุ่มลึกในเชิงยุทธศาสตร์ของจีน และเมื่อจีนต้องการจะ "คิดการใหญ่"ระดับโลก..!
ซึ่งวันนี้บอกตัวเลขแล้ว อย่าตกใจนะครับ มีความยาวกว่า 8,000 กิโลเมตร และมีความเร็วสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ในขณะนี้ และยังมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 17,000 กิโลเมตร ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
แนวคิดหลักๆ ของจีนคือ ต้องการเปลี่ยนประเทศ ด้วยเครือข่ายรถไฟ และรถไฟความเร็วสูงที่โยงใยเป็นใยแมงมุมไปทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะเปลี่ยนวิถีชีวิต และการทำธุรกิจของคนจีนไปสู่ยุคที่เรียกว่า เป็นยุคสมัยของรถไฟความเร็วสูงกันแล้ว
บางท่านอาจจะสงสัยว่า นิยามของรถไฟความเร็วสูงคืออะไรกันแน่... ตามคำนิยามของสหภาพการรถไฟสากล ระบุว่า เป็นเส้นทางรถไฟใหม่ที่มีความเร็วสูงกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ล่าสุด หนังสือพิมพ์ Shanghai Daily ของจีน รายงานว่า
"รถไฟความเร็วสูงหัวกระสุนสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ จะเริ่มเปิดใช้ได้ในช่วงกลางปีนี้ และเป็นโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายที่ทุ่มงบการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ด้วยงบลงทุน 220,900 ล้านหยวน หรือประมาณ 33,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ"
ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเฉลี่ยถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วใมง (จริงๆแล้วความเร็วเร่งได้สูงสุดถึง 395 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และมีความเร็วใกล้เคียงกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากตอนกลางประเทศที่เมืองอู่ฮั่นไปยังกว่างโจวทางใต้ ระยะทาง 1,068 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 2.45 ชั่วโมง จากปกติที่ต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง
ความเร็วระดับนี้ทิ้งห่างประเทศพัฒนาอื่นๆ แบบไม่เห็นฝุ่น เช่น รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่น 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, เยอรมันนี 232 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, ฝรั่งเศสที่ 277 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฯลฯ
ตามรายงานข่าระบุว่า ถึงสิ้นปีที่ผ่านมา จีนมีรถไฟความเร็วสูงใช้ถึง 1,200 สาย และยังมีแผนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงอีก 5,000 กิโลเมตรภายในปี 2554 ใช้งบประมาณก่อสร้างอีกกว่า 700,000 ล้านหยวน และจะมีโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะเริ่มสร้างในปีนี้ถึง 70 โครงการ
ด้วยเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง จีนหวังว่า จะเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคให้เชื่อมถึงกันได้ทั้งหมด เรียกว่า ปฏิรูประบบคมนาคมขนส่งของจีนใหม่หมดทั้งประเทศ แม้ว่าจะมีราคาตั๋วแพงกว่าตั๋วรถไฟปกติ 4-5 เท่า ก็ตาม
แต่สิ่งที่น่าสนใจหรือก้าวต่อไปของจีนคือ จีนมีความทะเยอทะยานสูงมาก และไม่หยุดคิดเพียงแต่ภายในประเทศเท่านั้น แต่จีนต้องใช้เครือข่ายดังกล่าว "เชื่อมโลกทั้งใบ" โดยมีจีนเป็นศูนย์กลาง..!
แนวคิดที่ "คิดการใหญ่" ของจีนจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับมนุษยชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเป็นแผนงานสร้างระดับโลกที่จะสร้าง "รถไฟความเร็วสูง" สามสายเชื่อมเขตแดนจีน กับประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน
สายที่ 1 เชื่อมระหว่างปักกิ่งของจีน กับสถานีคิงครอสส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระยะทาง 8,100 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางเพียง 2 วัน ด้วยความเร็ว 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สายที่ 2 จะลากผ่านลงตอนใต้ของจีน และเชื่อมกับประเทศในอาเซียน ผ่านมาตั้งพม่า ลาว ไทย เขมร เวียดนาม มาเลเซีย และไปทะลุที่สิงคโปร์
สายที่ 3 เชื่อมเยอรมนี ผ่านรัสเซีย ข้ามเขตไซบีเรียสู่จีนแผ่นดินใหญ่
แล้วโปรเจ็กต์นี้ไม่ใช่เพียงความคิดเท่านั้นนะครับ แต่เดินหน้าเห็นรูปธรรมแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างเจรจากับกับ 17 ประเทศ เพื่อกำหนดเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจีนจะได้ประโยชน์จากฝันอันยิ่งใหญ่นี้ คือ การเข้าไปก่อสร้างในฐานะที่จีนเป็นเจ้าของรถไฟความเร็วสูงสุดในโลก และสามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากรของประเทศต่างๆ ที่พาดผ่านเข้าไป
ในเรื่องนี้มีรายงานข่าวบอกว่า จีนตั้งเป้าทำให้เสร็จในอีก 10 ปีข้างหน้า และเมื่อเสร็จจะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยากที่ใครจะล้มสถิตินี้ลงไปได้..!
"หวัง เมิ่งฉู่ " ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เจียวถง และเป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวถึงการเจรจากับประเทศต่างๆ 17 ประเทศว่า ส่วนใหญ่อยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียกลาง โดยจีนเสนอสร้างรถไฟความเร็วสูงสามโครงการ ไปยังประเทศเหล่านั้น มีอาทิ เส้นทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมคุนหมิง หยุนหนัน สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย พม่า และมาเลเซีย แต่ยังไม่แน่ชัดนักในการวางเส้นทาง
ส่วนเครือข่ายสายอื่นจะเริ่มจากมณฑลซินเจียง ผ่านไปยังประเทศในเอเชียกลาง อาทิ คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และหากเป็นไปได้อาจขยายยาวไปถึงเยอรมนี
เส้นทางที่สามอาจจะเริ่มจากมณฑลเฮย์หลงเจียงในทางตะวันออกเฉียงเหนือและขึ้นไปถึงรัสเซีย โดยมีปลายทางอยู่ที่ ยุโรปตะวันตก
กลยุทธ์ของจีน ในการสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโลกครั้งนี้คือ ต้องการเอารถไฟไปแลกกับทรัพยากรธรรมชาติของประเทศต่างๆ นั่นเอง แทนที่จะใช้ "เงินซื้อ"
ตัวอย่างเช่น กรณีของพม่า ได้เสนอแร่ลิเธียม แลกเปลี่ยนกับค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง และแนวคิดต่างตอบแทนเช่นนี้ยังขยายไปใช้กับประเทศอื่นๆ ที่มีแหล่งทรัพยากรเช่น น้ำมัน ก๊าซ แร่ ฯลฯ
"หวัง เมิ่งฉู่" เรียกกลยุทธ์นี้ของจีนว่า "การทูตรถไฟ" โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ข้อดังนี้
- จีนต้องการพัฒนาภูมิภาคตะวันตก ซึ่งคาดว่า ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมีผู้อพยพจำนวนหลายร้อยล้านคน เคลื่อนย้ายศูนย์กลางธุรกิจและการผลิตไปยังที่ยังรกร้างและยากเข้าถึง
- จีนต้องการแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรธรรมชาติกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนไปในตัว
นี่ละครับบทบาทเชิงลึก และช่ำชองเกมการเมืองระหว่างประเทศของจีน ที่ใช้ "เครือข่าย" รถไฟเชื่อมโลกในส่วนต่างๆ และมีจีนป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจทางเศรษฐกิจ
เมื่อเขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็คิดว่า สหรัฐฯคงต้องรู้สึกหนาวๆ กับอนาคตเสียแล้ว เพราะ จีนอาจแซงหน้าขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกแทนสหรัฐฯ ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ก็เป็นไปได้...!