3.9G คืออะไร? แล้วทำไม ไม่ 4G
3.9G คือ การใช้เทคโนโลยีที่รองรับ 4G ในอนาคต นั้นก็คือ LTE และนั้นก็หมายถึงว่า
เรายังอยู่ใน 3G หรือ 3rd Generation เราอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำว่า 3.9G เพราะเขาจะใช้ 4G ไปเลย
หรือถ้าจะใช้คำให้ถูกจริงๆคือ pre 4G (ทางด้านการตลาดมันดูมีภาษีกว่า 3.9G)
แต่ทำไม กทช. ถึงต้องใช้คำว่า 3.9G ละ เรามาดูกัน
เราสามารถเรียกมันว่า 3.9 generation - Long-Term Evolution ก็ได้ครับ
โดยเป็นเทคโนโลยี ยุคที่ 3.9 ของโทรศัพท์ มันจะรวมเอา 3 จี เข้ากับ จีพีอาร์เอส ทำให้มีความเร็วมาก
ขึ้นและรองรับการใช้งานทีมากกว่าเดิม มีแบนวิดกว้างขึ้น ส่งข้อมูล ได้ทีละมากขึ้นอ่ะครับ
มัน ใกล้เคียงกัน 4 จีมากเลย (แน่ละ 3.9G ละนี้) ผมได้นำเอาระบบ เกี่ยวกับ G ทั้งหลายมาให้ดูกันนะครับ
2G = GSM
2.5G = GPRS
2.75G = EDGE
Then moving onto 3G systems:
3G = WCDMA, R99
3.5G = HSDPA
3.75G = HSUPA
3.8G = HSPA+ (HSPA Enhancements)
3.85G = 'HSPA+' + MIMO
3.9G = LTE
4G = WiMAX
ถ้า ดูจริง ๆ 3.9 จี ก็ไวกว่า 3 จี อย่างน้อยประมาณ 20 เท่า ครับผม แล้ว 4 G ละ ไมไวกว่า หรอ ดูได้จากข้อมูลด้านบนนะครับ
โดย กทช.ซึ่งสาเหตุที่ไม่กระโดดไป 4G นั้นเป็นเพราะ 3.9G นั้นอัพเกรดได้ง่ายกว่าและมีความพร้อมในเชิงพาณิชย์มากกว่าครับ เพราะจุดนี่ไงทีี่มันบอกว่าอัพเกรดง่าย และแล้วก็เข้าลูปเดิมเหมือน 3 G กว่าจะได้แต่ละ G คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมไม่รวมเทคโนโลยี 3G กับ WiMAX เข้าด้วยกัน และพัฒนาให้เป็น ?interim 4G? หรือ ?4G เฉพาะกิจ? เพื่อไปเร่งพัฒนา ?4G ตัวจริง? (Real 4G) กันออกมาไม่ดีกว่าหรือ จึงเป็นเสียงที่คิดดังๆจากหลายกลุ่มในปัจจุบัน
แน่นอนที่ว่า คงจะไม่ใช่แนวคิดของ 4G ที่หลายฝ่ายตั้งความหวังไว้ เพราะอย่างน้อยที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ เทคโนโลยีทั้งสองยังไม่สามารถรองรับความเร็วในการสื่อสารข้อมูลที่ดาวน์ ลิงค์/อัพลิงค์ (downlink/uplink) ขณะกำลังเคลื่อนที่ในกรณีของ GSM ที่ 100 mbps/50 mbps และกรณี CDMA ที่ต้องการให้เหนือกว่า GSM โดยจะให้มีความเร็วเป็น 129 mbps/75.6 mbps
ทำไมจึงอยากได้ 4G
เป็นคำถามที่น่าสนใจ มีเหตุผลอะไรจึงอยากได้เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 4 หรือ 4G กันมาก ถ้าจะสรุปเป็นคำตอบก็คงจะได้หลายประการด้วยกัน ซึ่งจะกล่าวถึงพอเป็นสังเขปดังนี้
1. สนับสนุนการให้บริการมัลติมีเดียในลักษณะที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น อินเทอร์เน็ตไร้สาย และ เทเลคอนเฟอเรนซ์? เป็นต้น
2. มีแบนด์วิทกว้างกว่า? สามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็ว (bit rate) สูงกว่า 3G
3. ใช้งานได้ทั่วโลก (global mobility) และ service portability
4. ค่าใช้จ่ายถูกลง
5. คุ้มค่าต่อการลงทุนด้านโครงข่าย
สุดท้ายนี้ ก็อยากให้สนับสนุน 4G ครับ เพราะว่าจะได้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ ในการติดตั้งระบบสื่อสาร กว่า3Gจะประมูลไม่ทันเสร็จ 4G ก็เข้ามาแล้วครับ
แต่ไม่ว่าบทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร สำหรับเรื่องราวนี้ จุดประสงค์นี้ เพื่อเสนอแนะข้อมูลของ 4 G และ 3G มิได้อยากโยงเรื่องการเมืองมาเพื่อทะเลาะกันแต่อย่างใดน้ะครับ^^ ขอบคุณที่ติดตามครับ^^