|
ไข่เจียว
|
ก๊ากกกกกกก กรรมการเชียร์ซะออกนอกหน้าเลยนะ ทีอย่างนี้ไม่ว่าตัวเองโกง เฮ้อ มีอีกหลายคนที่คิดไม่ได้ หรือคิดไม่เป็น  แต่อาจหลงตัวเองว่า คิดเป็น คิดถูก  หรืออาจเพราะไม่เคยมีใครมาท้วงติง ยิ่งมีคนสนับสนุนเชียร์เต็มที่ ยิ่งพากันหลงเข้าป่าเตลิดไปไกล จนอาจกู่ไม่กลับ  ป้าแช่มเป็นกรรมการที่เป็นกลางที่สุด ใจเย็นที่สุดแล้วฮะ  ไม่จำเป็นที่ป้าแช่มจะต้องเข้าข้างใคร เพราะเรา ต่างก็เป็นเพื่อนผองน้องพี่กันทั้งนั้น  แต่เป็นพ่อมหาฯ ที่รับไม่ได้ ว่าตนเองเห็นผิด จับหัวแพะมาชนหางแกะ จนตัวเองก็มึนเอง หรือบางที ใครๆก็เห็นว่านี่เป็นกระเทียม ความจริงก็คือกระเทียมวางอยู่ แต่พ่อมหาฯ คาดหวังว่าจะเจอหัวหอมวางอยู่ ก็เลยรับไม่ได้ ยืนเป็นมหาฯขาเดียวว่านี่ หัวหอม หัวหอมมมมม)))))) เฮ้ออออ)))))  และอีกข้อความที่เน้นสีไว้ ก็ยืนยัน ว่าพ่อมหาฯแย่ที่สุด ที่เห็นว่า คนอื่นๆ คิดอะไรไม่เป็น    คำว่าหลง ก็เป็นคำที่บอกตัวเองอยู่แล้ว ว่าคนหลง ย่อมไม่รู้ตัวว่าหลง ถ้าพ่อมหาฯเจอกระจกเงาดีๆสักบาน ก็อย่าเพิกเฉยที่จะส่องดูตนเองบ้างนะฮะ จะได้รู้จักตนเอง แก้ไขในจุดไม่งาม ปรับปรุงตนเองให้เป็นพ่อมหาจำเริญที่ดีที่ควรต่อไปนะฮะ
|
|
|
|
|
|
ไข่เจียว
|
ขนาดลงรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ป้าแช่มยังบอกว่า... คำอธิบาย ก็บอกความคิดได้ไม่หมดสักหน่อย
แล้วถ้าชี้แจง ยกตัวอย่างประกอบ มีหลักฐานและข้อมูล ...น้อยกว่านี้ ก็จะยิ่งไม่เชื่อ ยิ่งไม่เข้าใจหนักกว่านี้อีกนะ อย่างป้าแช่ม เป็นต้น เป็นคนพูดอธิบายน้อย พูดสั้นๆ มักไม่ค่อยมีข้อมูลประกอบคำชี้แจง ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่น่าเชื่อตาม เพราะไม่มีคำอธิบายสมเหตุสมผลให้เข้าใจตามนั้น เช่น ป้าแช่ม บอกว่า...พี่ใหญ่ ลงรายละเอียดเยอะเกินไป แต่ป้าแช่ม ไม่ได้อธิบายเหตุผลประกอบว่า ...มีข้อเสียกว่าการลงรายละเอียดน้อยกว่า อย่างไร  มันยิ่งค้านกับความจริง ที่ว่า ...เวลาศาลตัดสิน ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าใด ศาลจะตัดสินได้ถูกต้องมากขึ้น ง่ายขึ้น เพราะ มีน้ำหนักพยานมากกว่า คำพูดลอยๆ ซึ่งใครจะคิด จะพูดอย่างไรก็ได้ แต่อาจจะไม่จริง ไม่ถูกต้อง เพราะรายละเอียดเยอะของพ่อมหาฯ เยอะแต่ปริมาณ ไม่มีคุณภาพไงล่ะ  พ่อมหาฯ มีแต่ศาสตร์ ไม่มีศิลป์ ไม่ละเอียด ข้อมูลมากมายหลายหน้า มาเหมือนถ่ายเอกสาร ไร้ชีวิตจิตใจ บางสิ่งบางอย่าง ก็เล็กๆละเอียดอย่างทราย ย่อมเข้าถึงจุดหมายได้ครบกว่าก้อนหินมหึมานะฮะ พ่อมหาจำเริญ รายละเอียดของศาล เป็นรายละเอียดของก้อนกรวด ยังมีความกว้าง ช่องโหว่ ให้คนผิดลอยนวลได้(โปรดใช้อารมณ์ขันในการรับชม  ) แต่ของพ่อมหาฯ เป็นก้อนหินมหึมา เป็นดุ้นๆ มีแต่ปริมาณมากเข้าว่า ไม่ตรงจุดของเรื่อง นี่คือความหมายที่ป้าแช่มบอก แต่พ่อมหาฯ ไม่มีศิลป์พอที่จะฟังเข้าใจ ระบบการศึกษาแบบท่องจำ ยังฝังหัวพ่อมหาฯจนยากจะแยกออกจากชีวิตประจำวัน เข้าใจ๋
|
|
|
|
|
|
|
เด๋วต่อ โปรดรอสักครู่
|
|
|
|
|
|
|
ขนาดลงรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ป้าแช่มยังบอกว่า... คำอธิบาย ก็บอกความคิดได้ไม่หมดสักหน่อย แล้วถ้าชี้แจง ยกตัวอย่างประกอบ มีหลักฐานและข้อมูล ...น้อยกว่านี้ ก็จะยิ่งไม่เชื่อ ยิ่งไม่เข้าใจหนักกว่านี้อีกนะ อย่างป้าแช่ม เป็นต้น เป็นคนพูดอธิบายน้อย พูดสั้นๆ มักไม่ค่อยมีข้อมูลประกอบคำชี้แจง ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่น่าเชื่อตาม เพราะไม่มีคำอธิบายสมเหตุสมผลให้เข้าใจตามนั้น เช่น ป้าแช่ม บอกว่า...พี่ใหญ่ ลงรายละเอียดเยอะเกินไป แต่ป้าแช่ม ไม่ได้อธิบายเหตุผลประกอบว่า ...มีข้อเสียกว่าการลงรายละเอียดน้อยกว่า อย่างไร  มันยิ่งค้านกับความจริง ที่ว่า ...เวลาศาลตัดสิน ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าใด ศาลจะตัดสินได้ถูกต้องมากขึ้น ง่ายขึ้น เพราะ มีน้ำหนักพยานมากกว่า คำพูดลอยๆ ซึ่งใครจะคิด จะพูดอย่างไรก็ได้ แต่อาจจะไม่จริง ไม่ถูกต้อง นี่ แสดงว่า ป้าแช่มเป็นกรรมการตัดสินที่ไม่ได้เรื่อง  จึงไม่ฟังข้อมูลพยานซักค้านโต้ตอบ กลับหาว่า...ลงรายละเอียดมากเกินไป  คำอธิบายบอกความคิดไม่ได้หมด ป้าแช่มก็ไม่ถามเพิ่มในสิ่งที่บอกไม่หมด อย่างนี้ จะเรียกว่า ถูกต้องหรือครับ  หากไม่แน่ใจ ป้าแช่มก็สามารถซักถามเพิ่มมาตรงๆได้เลย ถามจนกว่าจะได้ข้อมูลครบ ถ้าป้าแช่มถามไปแล้ว คนนั้นไม่ยอมตอบกลับมา ก็แสดงว่า ไม่มีน้ำหนักจะตอบสนับสนุนตัวเอง ถ้าป้าแช่มถามไปแล้ว คนนั้นตอบกลับมา ก็ต้องพิจารณาดูว่า ข้อมูลฟังขึ้นหรือไม่  เชื่อถือได้มากน้อยเพียงไร  ไม่ใช่...จู่ๆจะมาทุบมั่ง  อย่างนี้ถือว่า กรรมการขี้โกง  ไม่ยุติธรรม  เข้าข้างอีกฝ่ายอย่างชัดเจน  ไข่เน่าถูกน็อคเอ๊าท์ ยอมรับผิดไปแล้ว กรรมการมาเข้าข้างออกหน้าออกตาให้เห็นซะขนาดนี้ ไข่เน่าเลยฮึดกลับมาสู้ต่ออีก  ...ฮืม หนักกว่าเดิม  คำอธิบาย ที่บอกความรู้สึก หรือความเข้าใจไม่หมด เป็นของไข่เจ้วกับแช่มเจ้าค่ะ ไม่ใช่ของพี่ใหญ่ ของพี่ใหญ่อ่ะ แน่นเปรี๊ยะ จนพุงปลิ้น แช่มกับเจ้ว ก็หลวมไป
แน่นเปรี๊ยะ ลงรายละเอียดเยอะ แช่มมองเป็น ต้องทำตาม ห้ามโต้แย้ง ซึ่งจะทำให้คนอ่าน รู้สึกอึดอัดได้ เดินตามต้อยๆ ทิ้งความคิดตัวเองไปหมด ไหนจะประสบการณ์ของตัวเอง ที่พบเจอ ก็เอามาแย้งไม่ได้ ดูแล้วก็ต้องช่วยแย้งแทน เพราะไข่เจ้ว ขาดความมั่นใจไปหลายส่วน
ส่วนรายละเอียดมีมากเท่าไร ในชั้นศาล แช่มเห็นด้วย ว่าจะทำให้พิจารณาได้ถูกต้องมากขึ้น แต่พี่ใหญ่ CSI เลยนะเจ้าค่ะ อิอิ ลายนิ้วมือ DNA จนไข่เจียวหายใจไม่ค่อยออก แช่มเลยชวนพี่ใหญ่ อย่าเคร่งครัดเกินไป กับข้อมูลที่หามา และ ให้เวลากับการเปลี่ยนความคิด ของเจ้วด้วย
กรรมการขี้โกง เพราะน้องโกงพี่ อยากให้คลายความตึงลงบ้าง ไม่ใช่ป้าแช่ม คุยกับ ผู้ชายคนหนึ่งนะคะ ห่างเหินและไม่รู้จัก หลักสากล อย่างเดียว ไม่อย่างนั้น ไม่แวะมาเกือบทุกวันหรอก คิคิ
|
|
|
|
|
|
|
|
ลงรายละเอียดให้พี่ใหญ่ เหนื่อยมากๆ 
|
|
|
|
|
|
ไข่เจ้ว
|
คำอธิบาย ที่บอกความรู้สึก หรือความเข้าใจไม่หมด เป็นของไข่เจ้วกับแช่มเจ้าค่ะ ไม่ใช่ของพี่ใหญ่ ของพี่ใหญ่อ่ะ แน่นเปรี๊ยะ จนพุงปลิ้น แช่มกับเจ้ว ก็หลวมไป
แน่นเปรี๊ยะ ลงรายละเอียดเยอะ แช่มมองเป็น ต้องทำตาม ห้ามโต้แย้ง ซึ่งจะทำให้คนอ่าน รู้สึกอึดอัดได้ เดินตามต้อยๆ ทิ้งความคิดตัวเองไปหมด ไหนจะประสบการณ์ของตัวเอง ที่พบเจอ ก็เอามาแย้งไม่ได้ ดูแล้วก็ต้องช่วยแย้งแทน เพราะไข่เจ้ว ขาดความมั่นใจไปหลายส่วน
ส่วนรายละเอียดมีมากเท่าไร ในชั้นศาล แช่มเห็นด้วย ว่าจะทำให้พิจารณาได้ถูกต้องมากขึ้น แต่พี่ใหญ่ CSI เลยนะเจ้าค่ะ อิอิ ลายนิ้วมือ DNA จนไข่เจียวหายใจไม่ค่อยออก แช่มเลยชวนพี่ใหญ่ อย่าเคร่งครัดเกินไป กับข้อมูลที่หามา และ ให้เวลากับการเปลี่ยนความคิด ของเจ้วด้วย
กรรมการขี้โกง เพราะน้องโกงพี่ อยากให้คลายความตึงลงบ้าง ไม่ใช่ป้าแช่ม คุยกับ ผู้ชายคนหนึ่งนะคะ ห่างเหินและไม่รู้จัก หลักสากล อย่างเดียว ไม่อย่างนั้น ไม่แวะมาเกือบทุกวันหรอก คิคิ  เม้นท์อย่างนี้ พ่อมหาฯก็มาแย้งแหละฮะ ว่าแน่นขนาดนี้ ก็ยังเดินไม่เป๊ะอย่างใจพ่อมหาฯเลย เพราะพ่อมหาฯ คิดว่ามนุษย์คนอื่น ไม่มีความคิด ไม่มีจิตใจ และพ่อมหาฯ ก็มั่นใจมากว่า ตัวเองต้องถูกเสมอ เพราะกอดตำราเอาไว้แน่นเหนียวอยู่ตลอดเวลา ป้าอาจมองเห็นเป็นเหมือนไข่ไม่มั่นใจ แต่นี่แหละ คือแก้วที่เติมน้ำไม่มีวันเต็ม ไข่เหลือที่ไว้เผื่อความไม่แน่นอน ซึ่งก็คือสิ่งแน่นอนเสมอ อย่างพ่อมหาฯ เค้ายึดมั่นถือมั่น ว่าตำราที่กอดอยู่ ต้องถูกแหง๋มๆๆ จึงตึงเป๊ะ แน่นเปรี๊ยะ มั่นใจซะเหลือเกิน ไม่ใช่ไข่ไม่มั่นใจ แต่เป็นความไม่ประมาทต่างหาก และพร้อมยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นมาพิจารณาเสมอฮะ
|
|
|
|
|
|
|
แค่คำว่าเถียงๆๆๆ ฉอดๆๆๆ แบบตลกๆ พี่ใหญ่ก็โยนแช่มลงถังขยะ ระบุได้แล้ว ว่าแช่มคิดน้อย ทั้งๆที่ชม ว่าปกติก็ตอบกระทู้ดี เป็นกัลยาณมิตรมาตั้งหลายปี
ยังไงเนี่ย พี่ใหญ่
|
|
|
|
|
|
ไข่เจียว
|
นี่คือหลักฐาน ว่าป้าแช่มไม่ได้เข้าข้างไข่  และไข่อยากบอกป้าแช่มว่า ไข่ไม่ได้เสียศูนย์ ยังเดินตรง มีสติ และไตร่ตรองได้ในทุกคำที่พิมพ์ลงไป คนที่เสียศูนย์ น่าจะเป็นพ่อมหาจำเริญมากกว่า ที่นิสัยอ่านหนังสือแล้วสรุปเองเออเอง จับหัวแพะมาชนหางแกะเอง จนตนเองเสียศูนย์ มึนงงไปเองอย่างที่เห็น อาจเป็นบางมุมของไข่ ที่ทำให้ป้าเข้าใจผิด คิดว่าไข่เสียศูนย์ก็ได้ มุมนั้น คือมุมที่ไข่ ไม่ชอบการถกเถียง ไม่ชอบบรรยากาศจะต้องขาว จะต้องดำ กับใครๆที่ไข่เรียกว่าเพื่อน ถ้ายอมๆได้ แล้วเพื่อนมีความสุขสบายใจ แล้วก็การยอมนั้น ก็พอจะมีเหตุผลให้พอยอมกันได้บ้าง ไข่ก็ให้เพื่อนได้เสมอ แต่เมื่อเพื่อนไม่เห็นค่า ไข่จึงต้องกลับมาจัดเต็ม ก็ดีกับตัวเพื่อนเองด้วย ที่จะได้รู้จักตนเองบ้าง ไม่มีใครเป็นกัลยาณมิตรคอยชี้บอกเพื่อนเลย ไข่ไม่ทำก็คงไม่สบายใจ
|
|
|
|
|
|
|
นี่แหละ คือปัญหา เพราะ สุดท้าย ก็อ้างว่า ...ยังอยู่ที่วิจารณญาน สติปัญญา ของผู้อ่าน ซึ่งแตกต่างไปตามบัวสี่เหล่า ดังนั้น สัตว์โลกจึงเป็นไปตามกรรม คือ มีปัญญาเท่านี้ จึงได้รับผลเช่นนี้ หากเราเป็นคนดีจริง มีความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและสังคม เราจึงควรมีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ถึงระดับความเป็นไปได้ ความน่าเชื่อถือก่อนจะสื่อสารออกไป ซึ่งเป็นหลักการในการให้ข้อมูลแก่ผู้อื่นที่ถูกต้อง พอควร แม้แต่เจ๊ระเบียบรัตน์ ยังออกมา  ล้งเล้ง  คน แต่งเพลง ที่มีเนื้อหาไม่รับผิดชอบต่อสังคม แต่ ก็ยังมีคนพวกเดียวกันเข้าข้างว่า เพลงเพราะ เนื้อหาดี กินใจ ไม่เห็นเป็นไรเลย คนแต่งเพลงก็เลยยิ่งมั่นใจว่า ตัวเองคิดถูกมาตลอด ใน ทีวี รัฐบาลจึงต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน โดยการออกกฏหมาย บังคับผังรายการทีวี ให้เหมาะแก่ผู้ชม หรืองดการโฆษณาเหล้าบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้ลดสื่อที่ให้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมในระดับหนึ่ง การที่เราอ้างว่า เราต่างหวังดี เราคิดว่าเราคิดดี ....มันง่ายเกินไป มัน สมเหตุสมผลแล้วหรือครับ  เวลาไปขึ้นศาล เราพูดแบบนี้ ศาลก็ไม่รับฟังหรอกครับ หากแท้จริงแล้วไม่ดี ก็มีคนแนะเราต่อเองหรือด่าเราในใจ  ทีนี้ ก็เป็นอีกเรื่องนึงแล้ว เรื่องที่เราต้องรับผิดชอบ กับคำพูดของเรา สรุปว่า 1เมื่อมีคนแนะเราต่อเอง ...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  2 ถ้าป้าแช่มไม่เชื่อเพราะ มั่นใจ ว่า ตัวเองพูดถูกมาตลอด (สมมติว่า ไม่ถูกอย่างที่ป้าแช่มมั่นใจมาตลอด)...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  3 เมื่อมีคนด่าป้าแช่มในใจ ...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  ช่วยอธิบายให้ชัดๆ ตรงประเด็นไปเลยนะครับ  งงคำถามอ่าาาาาาาาา การที่เราอ้างว่า เราต่างหวังดี เราคิดว่าเราคิดดี ....มันง่ายเกินไป มัน สมเหตุสมผลแล้วหรือครับ  แล้วแบบที่สมเหตุสมผล เป็นหลักพุทธศาสนาอย่างเดียวหรือคะ หากคนอ่่าน อื่นๆไม่เข้าใจล่ะคะ เท่าที่ตอบมา แช่มจะตอบตามการดำเนินไปของชีวิต แช่มเคยแนะและอิงธรรมะตลอด แต่หากเจอคำตอบ ว่ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง แช่มก็ไม่สามารถ ใช้ธรรมะน้อมนำใจเค้าได้อีก แช่มจึงต้องปล่อย เท่ากับแช่ม ไม่รับผิดชอบ ด้วยหรือเปล่า นี่แหละ คือปัญหา เพราะ สุดท้าย ก็อ้างว่า ...ยังอยู่ที่วิจารณญาน สติปัญญา ของผู้อ่าน ซึ่งแตกต่างไปตามบัวสี่เหล่า
ดังนั้น สัตว์โลกจึงเป็นไปตามกรรม คือ มีปัญญาเท่านี้ จึงได้รับผลเช่นนี้ แช่มจะต้องตีกระหน่ำ จนกว่าเค้าจะเกิดปัญญา จึงเท่ากับรับผิดชอบสังคม หรือคะ แม้แต่เจ๊ระเบียบรัตน์ ยังออกมา ล้งเล้ง คนแต่งเพลง ที่มีเนื้อหาไม่รับผิดชอบต่อสังคม แต่ ก็ยังมีคนพวกเดียวกันเข้าข้างว่า เพลงเพราะ เนื้อหาดี กินใจ ไม่เห็นเป็นไรเลย คนแต่งเพลงก็เลยยิ่งมั่นใจว่า ตัวเองคิดถูกมาตลอด นี่ก็เป็นอีกส่วน ที่บอกได้ว่า มีความเห็นต่าง และเราไม่สามารถ บังคับใคร ให้ฟังแต่เราได้ แต่เรารับผิดชอบต่อสังคม ในส่วนตัวของเราได้ เท่านั้น คือเราไม่แต่งเพลง ที่มีเนื้อหาไม่รับผิดชอบต่อสังคม
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
พักยกก่อนนะเจ้ว แฮ่กๆๆๆๆ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เข้าใจเลยฮะ ว่ารู้สึกยังไง  จริงเลยฮะ เด็กหนึ่ง สัตว์เลี้ยงต่างๆหนึ่ง คนถีบจักรยานหนึ่ง ถ้าไข่เจอตอนขับรถอยู่ ห่างได้ก็ห่างไม่ต่ำกว่า 5 เมตรเลยฮะ เรียกว่าทั้งระวังทั้งหนี ยกเลนนั้นให้ไปเลยฮะ  ต้องอบรม ถูกต้องแล้ว เจอพ่อ แม่โผล่มาต่อว่า ก็อบรมพ่อ แม่ไปด้วยเลย 
ปกติผมก็ระวังเรื่องที่ ไข่เจียว บอกทุกอย่างเลยครับ
ถ้าผมเห็นใครขับรถไม่น่าไว้ใจผมก็จะรีบแซง หรือไม่
ก็ปล่อยให้เขาไปไกลๆเลยครับ..แต่คราวนี้ผมไม่ทันระวัง
เพราะคิดว่าเด็กเขาเห็นผมแล้วครับ..ผมนึกไม่ถึงจริงๆว่า
เขาจะวิ่งตัดหน้ารถแบบนั้นครับ...... 
เกือบจะทำผิดครั้งใหญ่ซะแล้วครับ...... 
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไข่เจียว(ของผม)
|
อย่าเครียดไปเลยครับ ไข่เจียว(ของผม).... 
ที่พี่มหาพยายามแนะนำ หรือชี้แนะในสิ่งต่างๆก็คงเพราะความเป็นห่วงครับ... 
ไข่เจียว ก็อย่าไปคิดมากเลยครับ ผมอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเก่งครับ
รู้แต่ว่าทุกคนล่วนมีความหวังดีต่อกันทั้งนั้นครับ......... 
ไข่ทราบดีฮะ ว่าพ่อมหาฯปรารถนาดีกับไข่ และเพื่อนๆทุกคน  แต่พ่อมหาฯก็ควรฟังเสียงนกเสียงกาบ้างอ่ะฮะ นกกาอ้าปากตะโกนสุดเสียง เพื่ออธิบายเหตุผลต่างๆ แต่พ่อมหาฯก็ทำหูทวนลม  ไม่ฟัง ไม่สนใจ ยืนยันแต่ความเชื่อของตนเอง ไข่อธิบาย ว่าเหตุผลคือกระเทียม แต่พ่อมหาฯก็ไม่รับฟัง เพราะยึดมั่นว่าต้องเป็นหัวหอม ก็พยายามกรอกหูไข่ว่าเป็นหัวหอมอยู่อย่างนั้น  มิคกี้ก็ดูเอาก็แล้วกันฮะ  สิ่งที่ป้าแช่มกับไข่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือให้พ่อมหาฯรู้จักในความเป็นกระเทียมของคนอื่น  ไม่ใช่ยึดแต่ความคิดของตนเอง ว่า "ก็มหาฯคิดให้เธอเป็นหัวหอมก็ต้องเป็นหัวหอมเซ่ " แถมยังไปหาลากตำราเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นหน้าๆ เพื่อยืนยันความคิดหัวหอมของตน  ซึ่งบางที ก็ไม่จำเป็นเลย
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไข่เจียว(ของผม)
|
|
|
|
|
|
|
ไข่เจียว(ของผม)
|
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ศิษย์พี่ใหญ่ มอนิ่งเจ้าค่ะ   ตั้งตัว ได้แล้วหรือเจ้าคะ หือออ แช่มจะมาคุยกับพี่ใหญ่ อีกล่ะ แต่ไม่ให้ทุบหรอก ครับ สวัสดีครับ คุณป้าแช่ม  ถือว่า เป็นการปะทะคารมแบบใช้เหตุใช้ผลละกันนะครับ เอาเหตุผลมาสู้กัน โดยไม่ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน เพราะเป็นอคติได้ ส่วนการทุบ ก็ถือว่า เป็นสัญลักษณ์ของการโต้แย้ง คัดค้าน ไม่เห็นด้วย จะมากจะน้อยก็เชิญตามสบาย ตามแต่ชอบละกันครับ คิดซะว่าเป็นEFFECTประกอบ action เอามันส์ ของแต่ละคน อย่าคิดมากว่า รุนแรง หรือเคร่งเครียดอะไรเลยนะครับ
ให้ดูที่เนื้อหาเป็นหลักนะครับ ่ถ้าป้าแช่ม ไม่ให้ทุบ ก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบายจนกว่าจะแจ่มแจ้ง มีข้อมูลที่เชื่อถือได้มายืนยัน มีหลักการที่ถูกต้อง  ตามวิชาการ หรือศีลธรรม ...เอาแบบมืออาชีพหน่อย  ประเภทล้งเล้งๆ กล่าวหาลอยๆ  ไม่เอานะครับ  เช่น ถ้าบอกว่า ....อย่าเคร่งครัดเกินไปกับข้อมูลที่หามา ต้องอธิบายให้ละเอียดเลยว่า เคร่งครัดเกินไปตรงไหน  ยังไง  ถ้าไม่ให้ครัดครัดตรงนี้ แล้วจะต้องอย่างไร  ยังไง  และ ชี้ตัวอย่างประกอบข้อมูลเดิมทุกครั้ง หากเป็นเรื่องวิชาการ ควรมีข้อมูลวิชาการอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ยอมรับอย่างกว้างขวาง และสากล  มาอ้างอิง เช่น เวปที่เป็นเชิงวิชาการ เป็นต้น หากจะอ้างแต่คนโน้นว่าอย่างนี้ คนนั้นว่าอย่างนี้ แบบจำขี้ปากเขามาเล่า ไม่เอานะ  เพราะ มันเหมือนเด็กๆทะเลาะกัน หาจุดสิ้นสุดไม่ได้ พูดง่ายๆ เอาแบบเวลาให้การตอนขึ้นศาล เอาเนื้อๆ ลำดับเหตุการณ์ให้ดี หลักฐานชัดๆ ทีละจุด ทีละเรื่อง ให้คณะลูกขุน ตัดสินใจรับฟังได้เข้าใจ และเห็นภาพตาม จะได้ตัดสินได้ง่าย
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ใหญ่ต้องค่อยๆอ่าน แล้วห้ามตีความเข้าข้างตัวเอง แช่มไม่ได้เถียงคำสอน คำสอนนั้นถูกต้องแล้ว แต่แช่มเถียงพี่ใหญ่ต่างหาก อิอิ  ป้าแช่ม เถียงพี่ใหญ่ ...ตรงนี้ เข้าใจตรงกันครับ ส่วนเรื่องที่พี่ใหญ่บอกว่า ...ป้าแช่มเถียงพระเถียงเจ้า แต่ป้าแช่มว่าไม่ได้เถียง ตรงนี้ความเห็นไม่ตรงกัน พี่ใหญ่ ชี้ว่าเถียง เพราะว่า ป้าแช่ม บอกว่า คำสอนของหลวงพ่อชา ซึ่งเป็นอริยสงฆ์ ...เหมาะแก่สุภาพสตรี ผู้อยู่เรือนและอายุเยาวเรศรุ่น เจริญศรี ... ต่างหาก และ ต้องยืดหยุ่นกับสมัยปัจจุบัน เพื่อให้มีความคิด อิสระ รอยยิ้ม ง่ายขึ้น นั่น แสดงว่า ป้าแช่มเถียงคำสอน เพราะ ป้าแช่มมีความคิด ไม่ตรงกับคำสอนนั้น คือ เห็นว่า ต้องประยุกต์ใช้ ให้เหมาะแก่บุคคลและเวลา ถ้าป้าแช่ม ไม่ได้เถียงคำสอน และเห็นว่า คำสอนนั้นถูกต้องแล้ว ป้าแช่มต้องไม่มีข้อแม้ใดๆ คือ เห็นด้วยว่าคำสอนนี้ใช้ได้กับทุกคน และเวลา แม้ในสมัยปัจจุบัน เพราะ คำสอนนี้เที่ยงแท้ และไม่ขึ้นกับเวลา ไม่มีล้าสมัย เมื่อใครๆนำไปใช้ ก็มีความคิดดี จึงมีรอยยิ้มได้เสมอ หากใครไม่ระวัง หรือไม่นำไปใช้ ก็อาจมีความคิดอิสระจนเกินขอบเขตของความดี ทำให้เกิดปัญหาตามมา เมื่อมีปัญหา รอยยิ้มก็ย่อมขาดหายไป ป้าแช่มยังไม่ได้ทำตามคำสอนเลย แต่ป้าแช่มออกมาเถียงๆๆๆๆ ซะแล้ว อย่างนี้ถือว่า ใช้ได้หรือครับ  แล้วพี่ใหญ่จะเชื่อตามป้าแช่มได้ยังไงครับ  .........อยากบอกป้าแช่มให้รับทราบว่า ทุกครั้ง ศิษย์พี่ใหญ่ จะค่อยๆอ่านทีละตัวเลยครับ อ่านกลับกลับมาหลายๆรอบด้วยซ้ำ เพื่อดูว่าจุดไหน  เห็นด้วย หรือ จุดไหน  ไม่เห็นด้วย ถ้าไม่เห็นด้วย ก้ต้องหาข้อมูลมาประกอบ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องในเบื้องต้นก่อน จึงจะลงรายละเอียดเป็นข้อโต้แย้งออกไป กว่าศิษย์พี่ใหญ่จะตอบได้ จึงช้า เพราะ ศิษย์พี่ใหญ่ ต้องพิจารณาก่อนเขียนเสมอ เมื่อจะให้ความเห็นแย้งใคร เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกย้อนกลับมาได้แบบหงายท้องครับ ป้าแช่มพิสูจน์ได้ครับ ลองโต้ตอบสักพักก็จะรู้เองว่าของจริงหรือของปลอม  นี่คือ หลักฐานที่เป็นมูลเหตุที่พี่ใหญ่บอกว่า ป้าแช่มเถียงพระเถียงเจ้า (รวมทั้งเถียงพี่ใหญ่...ที่นำคำสอนนี้มาแสดง) V V V ถึงเป็นการคุยเล่น ก็ไม่ควร เพราะ จะกลายเป็นนิสัย ดังนั้น พุทธองค์ จึงไม่ให้พูดเพ้อเจ้อ เพราะ เป็นหนึ่งในวจีกรรม  โดยเฉพาะ ถ้าไม่รู้จริง ก็กลายเป็นพูดเรื่องเท็จ หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จึงเตือนสติ เกี่ยวกับ ความคิด การพูด ไว้ว่า " เธอจงระวัง ความคิดของเธอ เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ เธอจงระวัง ความประพฤติของเธอ เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ เธอจงระวัง ความเคยชินของเธอ เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ เธอจงระวัง อุปนิสัยของเธอ เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต" ไม่จริงอ่ะ เถียงๆๆๆๆๆ คำสอนนี้เหมาะแก่สุภาพสตรี ผู้อยู่เรือน และอายุเยาวเรศรุ่น เจริญศรี ... ต่างหาก พับเพียบกรองมาลัยด้วย 
กล่อมเกลาให้เธองาม แต่เยาว์วัย แต่ยุคสมัยปัจจุบัน พี่ใหญ่ต้องยืดหยุ่นบ้างจิ แช่มกับเจ้ว ไม่ได้เล่นเพ้อเจ้อ ตลอดเวลา สักหน่อย ยังมี รับผิดชอบ แยกแยะ ดี-ชั่ว หน้าที่ แบ่งปัน แล้วแซมด้วยสนุกสนาน จะผิดตรงไหน (ฉอดๆๆๆๆ)
ค้าวสองคนไม่ได้เตลิดสักหน่อย อ่านคำสอนของพี่ใหญ่ที่ยกมาให้อ่าน  หากไม่ยืดหยุ่น ประยุกต์ใช้ ความคิด อิสระ รอยยิ้ม คงมีได้ยากบนใบหน้าสตรีนั้น 
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
ความมืดบอดไม่เคยได้ครอบงำ พี่ใหญ่อ่านแบบไหนกันเจ้าคะ  แช่มบอกแค่ จะนำคำสอนมาประยุกต์ใช้ ต่างหาก อยู่ในกรอบ ระเบียบ และมีความสุข สนุกสนานไปด้วยต่างหาก ไม่ได้เถียงพระ เถียงพี่ใหญ่ แหม๋มมม ไม่กี่คำก็จะตัดหางปล่อยวัด ทิ้งน้องทิ้งนุ่งได้ลง  ตลกแล้วป้าแช่มเอ๊ย  ถึงขนาดจะไปประยุกต์คำสอนของหลวงพ่อชา นี่นะไม่ได้เถียงพระ  ก็น่าจะแปลว่า เก่งกว่าพระ  ถ้า ความคิดเตลิดซะขนาดนี้ ไม่มืดบอดแล้วจะให้เรียกว่า คิดนอกกรอบ หรือ ความคิดสร้างสรร หรือครับ  แล้วถ้าทุกคนมาประยุกต์คำสอน ทีละนิด คนละหน่อยตามที่ตนเห็นว่าดี เห็นว่าเหมาะ แล้วเริ่มเพี้ยนเข้าหาตัวเอง ไม่มีหลักการที่แน่นอน เชื่อถือได้ ...ยังงี้ไม่ยุ่งไปกันใหญ่หรือครับ  จะเอาบรรทัดฐานตรงไหน  มาวัดว่า ตรงนี้อยู่ในกรอบแล้ว มีระเบียบแล้ว ถ้าไม่ใช้หลักธรรม หรือศีลธรรม จะเอาความคิดของป้าแช่มมาเป็นเกณฑ์ว่าเหมาะสมกว่าหลวงพ่อชาสอนได้อย่างไร  ในพุทธกาล พระเทวทัตมักจะขอประยุกต์คำสอนของพุทธองค์อยู่เสมอ ด้วยความมืดบอดจนนำไปสู่ความเห็นผิด และทำผิดในที่สุด แต่ก็มีสาวกกลุ่มหนึ่ง ที่เห็นด้วยกับพระเทวทัต จึงรวมกันแยกตัวออกไปตั้งสำนักใหม่ สุดท้ายก็ไปไม่รอด ถ้าป้าแช่มประยุกต์ใช้เอง อย่างนี้ พี่ใหญ่ จะเชื่อถือตามได้อย่างไรครับ   .....เรื่องหลักธรรมซึ่งเป็นสัจธรรม ก็ต้องว่ากันตรงไปตรงมา จะยืดหยุ่นแบบเข้าข้างตัวเองยิ่งไม่ได้ใหญ่ เพราะเป็นการบิดเบือนพุทธศาสนา จะเข้าข่ายพวก มือถือสาก ปากถือศีล  ยิ่งลามปามไปถึงคำสอนของพุทธองค์ ซึ่งเป็นอกาลิโก คือไม่ขึ้นยุคสมัย ขนาดนี้ยังไม่เรียกว่า ...เตลิด ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ถ้าเตลิด ขนาดนี้ ถ้าเตือนไปก็ยังเถียง ๆๆๆๆ อาจจะต้อง...ตัดหางปล่อยวัดซะละ เพราะพูดไปก็ไร้บอยครับ  จะยืดหยุ่นแบบนี้ไม่ไหว เรียกว่า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง  เพราะไปขัดคำสอนของพระ อีกหน่อยอาจจะลามปามไปสอนพระได้  ผิดตรงที่ ...ไม่รู้จักกาลเทศะ  ครับป้าแช่ม
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
ที่เถียงฉอดๆ นี่ก็เพราะ รักนะคนโต นะจะบอกให้  พี่ใหญ่ มีธรรมะ หนักแน่นเหมือนขุนเขา ตอนนี้เริ่มจะเหมือนขุนฆ้อนเข้าไปทุกที แช่มยังมีความคิดดี ติดตัวอยู่เจ้าค่ะ ตอบทู้ปกติ จะคิดก่อนแล้วค่อยตอบ ตัวตรง ยึดหลักถูกผิด และธรรมะ ผสมผสาน เท่าที่ปัญญาพึงมี ที่ได้อ่าน ได้เรียนรู้มา
แต่ที่ตอบโต้กับพี่ใหญ่ จะเอียงๆ กระโดกกระเดก เพราะคุยกับพี่ใหญ่ ใช้ความสนิทสนม นำเสนอมุมมองกว้างๆของแช่ม กับคำสอนลงรายละเอียดทีละคำของพี่ใหญ่ต่างหาก พี่ใหญ่เลยมองเป็นแช่ม ติดเชื้อไข่เน่า (ไข่ไม่ได้เน่า) แถมพ่วงท้ายแก่กะลา ตัวแม่ แง๊))))))  
พี่ใหญ่มองภาพรวมๆของแช่มดูก็ได้เจ้าค่ะ พอตัดเจ้าทะลึ่ง คึ่กๆๆๆออกไป จะได้ รูปปั้น พับเพียบเรียบร้อย ทีเดียวเชียว  คนคิดดี เค้าไม่เถียง คำสอน หรือหลักธรรมที่เป็นสัจธรรมหรอกครับ มีแต่คนหลงผิดเท่านั้น ที่คิดได้ขนาดนี้  คนหลงก็มักจะว่าตัวเองคิดดี ตัวเองถูกด้วยกันทั้งนั้นครับ เพราะไม่รู้ตัวเองว่าหลงอยู่  โอ๊ย เรื่องมองคนจากภายนอก พี่ใหญ่รู้อยู่แล้ว นั่นมันแค่เปลือก จึงมองคนที่การกระทำเป็นหลัก เพราะคนปากอย่างใจอย่างมีเยอะครับ พูดแล้วทำไม่ได้ มีให้เห็นๆกันมากมาย อย่างบางคนพูดจาดูดี แต่ทำไม่ได้ ก็โดนพี่ใหญ่ตอก  กลับไปบ่อยๆ เพราะ ตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วใครจะเชื่อคำพูดดีๆนั้น พี่ใหญ่ไม่เชื่อแน่นอน แต่ใครจะเชื่อก็ตามสบาย สุดท้ายมันจะปรากฏผลของมันเอง ที่มองว่า ป้าแช่มติดเชื้อไข่เน่า เพราะ ป้าแช่มเริ่มที่จะประยุกต์ธรรมเป็นของตนเอง ทำให้เริ่มมีความคิดผสมผสานจนเพี้ยนๆออกไป ซึ่งขัดกับหลักความจริง ความถูกต้อง เพราะป้าแช่มมีปัญญาเห็นแจ้งแค่นั้น ซึ่งเข้าใจดีว่า ก็คงคิดได้แค่นั้น แต่ถ้าจะให้พี่ใหญ่เชื่อตาม ก็ต้องมีเหตุผล ข้อมูล หลักฐาน หรือตัวอย่างมาคัดค้านกันให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ธรรมประยุกต์ของป้าแช่ม ถูกต้องกว่า เหมาะสมกว่า โดยไม่ขัดกับหลักความจริงอื่นๆอย่างไร  เป็นต้น ส่วนเรื่องขุนฆ้อน ถ้าป้าแช่มมองให้ดี จะเห็นว่า พี่ใหญ่ก็โดน  ทุบกลับเช่นกัน และหลายครั้งก็โดน  ค้อน  อีกแบบ พี่ใหญ่ยังมองเป็นเรื่องตลก  มาสู้กันด้วยเหตุผลแบบผู้มีปัญญาเค้าถกเถียง อภิปรายกันดีกว่าครับ  แบบเวทีโต้วาทีก็ได้ จะเหน็บจะกัดก็ได้แต่ขอให้มีสาระหน่อย ไปค้นหา ไปเอาความจริง ความถูกต้องมาพูดกัน เพื่อประเทืองปัญญา อย่าเอาความคิดของตัวเองมาพูดเลย มีแต่เข้าข้างตัวเองทั้งนั้น อย่าผสมผสานซะเกินเหตุ เพราะของบางอย่างก็เข้ากันไม่ได้ เช่น ธรรมประยุกต์ของป้าแช่ม ใช้เองแต่เอาไปใช้กับสากลไม่ได้นะครับ มีใครที่ไหนการันตีความถูกต้องครับ  ที่ผ่านๆมา พี่ใหญ่ก็พยายามอิงหลักธรรม หลักวิชาการ เพื่อให้ได้ความจริง ความถูกต้อง มากกว่าจะบอกว่า พี่ใหญ่คิดอย่างนั้น พี่ใหญ่ว่าอย่างนี้ เพราะอย่างนี้ คุยไปมันก็ไม่ได้ข้อสรุปหรอกครับ
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
อันนี้แช่มบ่นระบบเจ้าค่ะ พออ้างอิง คห. มา (ใช้เวลาในการอ้างอิงนานมาก) พอตอบเสร็จ ส่งเสร็จ ก็กลายเป็นเกิดข้อผิดพลาด โน่น นี่นั่น จนไม่อยากอ้างอิง  บางครั้งรีบร้อน ใจก็ร้อนตามไปด้วย เลยเบื่อกับความช้าและผิดพลาดของระบบ ไม่เกี่ยวกับการเสวนาเจ้าค่ะ ตอนนี้รอได้แล้ว ใจไม่ร้อน เพราะเบนการรอ ไปเป็นการตอบทู้อื่นๆ ไปด้วย แทน  ครับ รับทราบ  เข้าใจตรงกันแล้วครับ  อืม อธิบายยาวๆอย่างนี้  ค่อยรู้เรื่องหน่อย  เห็นมะ ถ้าป้าแช่มเขียนสั้นๆ ไม่อธิบายความ พูดออกมา คนอ่านก็ไม่เข้าใจ ถ้าไม่ถาม ก็อาจเข้าใจไปคนละเรื่อง คนที่ไม่ถาม แล้วไปสรุปต่อ ก็อาจจะเข้าใจผิด
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
คำอธิบาย ที่บอกความรู้สึก หรือความเข้าใจไม่หมด เป็นของไข่เจ้วกับแช่มเจ้าค่ะ ไม่ใช่ของพี่ใหญ่ ของพี่ใหญ่อ่ะ แน่นเปรี๊ยะ จนพุงปลิ้น แช่มกับเจ้ว ก็หลวมไป
แน่นเปรี๊ยะ ลงรายละเอียดเยอะ แช่มมองเป็น ต้องทำตาม ห้ามโต้แย้ง ซึ่งจะทำให้คนอ่าน รู้สึกอึดอัดได้ เดินตามต้อยๆ ทิ้งความคิดตัวเองไปหมด ไหนจะประสบการณ์ของตัวเอง ที่พบเจอ ก็เอามาแย้งไม่ได้ ดูแล้วก็ต้องช่วยแย้งแทน เพราะไข่เจ้ว ขาดความมั่นใจไปหลายส่วน
ส่วนรายละเอียดมีมากเท่าไร ในชั้นศาล แช่มเห็นด้วย ว่าจะทำให้พิจารณาได้ถูกต้องมากขึ้น แต่พี่ใหญ่ CSI เลยนะเจ้าค่ะ อิอิ ลายนิ้วมือ DNA จนไข่เจียวหายใจไม่ค่อยออก แช่มเลยชวนพี่ใหญ่ อย่าเคร่งครัดเกินไป กับข้อมูลที่หามา และ ให้เวลากับการเปลี่ยนความคิด ของเจ้วด้วย
กรรมการขี้โกง เพราะน้องโกงพี่ อยากให้คลายความตึงลงบ้าง ไม่ใช่ป้าแช่ม คุยกับ ผู้ชายคนหนึ่งนะคะ ห่างเหินและไม่รู้จัก หลักสากล อย่างเดียว ไม่อย่างนั้น ไม่แวะมาเกือบทุกวันหรอก คิคิ  ถ้าคำอธิบาย ที่บอกความรู้สึก หรือความเข้าใจไม่หมด เป็นของไข่เจ้วกับแช่ม ทั้งไข่เจ้วกับป้าแช่มก็ควรจะอธิบายเพิ่มมาให้หมด ไม่ควรแทงกั๊ก  ถ้าความเห้นของพี่ใหญ่ นั่นเแน่นเปรี๊ยะ ลงรายละเอียดเยอะ แช่มมองเป็น ต้องทำตาม ห้ามโต้แย้ง นั่นเป็นเพราะว่า ป้าแช่มกำลังมองในแง่ร้าย เพราะ ถ้าป้าแช่มมีข้อโต้แย้งที่คัดคานได้ดีกว่า สมเหตุผลกว่า พี่ใหญ่ต่างหากที่ต้องยอมรับ และ ยกย่องในภูมิปัญญาชาวบ้านของไข่เจ้วและ ป้าแช่ม แต่ที่ผ่านมา ป้าแช่มเริ่มทำให้พี่ใหญ่ ซึ่งเป็นคนอ่านรู้สึกอึดอัดว่า ป้าแช่มเริ่มเดินตามความคิดตัวเอง ทิ้งหลักธรรมซึ่งเป็นสัจธรรมไป มายืดหยุ่นกับความคิดประยุกต์  ถ้าทุกคน เอาประสบการณ์ของตัวเองที่พบเจอ ก็เอามาแย้งได้ แล้วจะเอาตรงไหนตัดสินว่า ประสบการณ์ใครถูกใครผิด  ถ้าป้าแช่มดูแล้วก็ต้องช่วยแย้งแทน ป้าแช่ม ก็ไม่ใช่กรรมการที่ดีแล้ว เพราะละเมิดกฏความเป็นกลาง ตอนนี้ป้าแช่มถือว่าเป็นคู่ชกบนเวที ที่ต้องต่อสู้ทางความคิดกันด้วยเหตุและผลที่มีเท่านั้น จะใช้สิทธิกรรมการมาตัดสินถูกผิดไม่ได้อีกต่อไป ป้าแช่มเลยชวนพี่ใหญ่ อย่าเคร่งครัดเกินไป กับข้อมูลที่หามา ...คงไม่ได้หรอกครับ เพราะ ต้องว่าไปตามหลักฐาน ข้อมูล อันไหนผิดว่าไปตามผิด อันไหนไม่เห็นด้วยก็ต้องแย้ง ถ้าไข่เจ้วไม่ยอมรับ ก็ต่อสู้โต้แย้งกลับมาได้ด้วยหลักฐาน ข้อมูล และเหตุผลที่ดีกว่า ไม่งั้นจะมาคุยให้เสียเวลาทำไม  เพราะคุยไปก็ไม่ได้ข้อสรุป ไม่ได้องค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการให้เวลากับการเปลี่ยนความคิดของเจ้วด้วย ...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้คาดคั้นให้ต้องเปลี่ยนความคิดเวลานั้น เวลานี้ เพราะเราไปบังคับใครไม่ได้ แต่เมื่อไข่เจ้ว โพสต์ออกไปแล้วมีประเด็นให้โต้แย้ง ก็ต้องจัดเต็มไปตามระเบียบ อิอิ  กรรมการขี้โกง เพราะน้องโกงพี่ ....ตรรก ตรงนี้เป็นเหตุเป็นผลยังไงครับ  เอามาอ้างแล้วฟังขึ้นหรือครับ  น้องคือใคร  พี่คือใคร  โกงยังไง  ตรงไหน  ช่วยอธิบายหน่อย ไม่เข้าใจ  ป้าแช่ม จะคุยกับ ผู้ชายคนหนึ่ง หรือพี่มหา หรือศิษย์พี่ใหญ่ หรือพี่ใหญ่ ก็ใช้หลักสากลอย่างเดียวในการตัดสินถูกผิด แต่ความผูกพันธ์ส่วนตัวนั้น ยิ่งทำให้ต้องท้วงติงมากขึ้น เด็ดขาดมากขึ้น ไม่ใช่มายืดหยุ่นจนเสียหลัก อย่างนี้เรียกว่า มีอคติแล้วครับ จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี คือ ไม่กล้าท้วงติงชัดๆ อาจยิ่งทำให้เตลิดเข้าป่าไปโดยไม่รู้ตัวได้
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
เมื่อก่อนแช่มเข้าบอร์ดมา มีแต่ผิดถูกกับขาวดำนี่แหละเจ้าค่ะ ถืออยู่ในมือ แต่พออ่านเรื่องราวความรักมากๆเข้า ก็เริ่มมองเห็นสีอื่นๆแทรกมาบ้าง ยืดหยุ่นเริ่มเป็น ประสบการณ์มากขึ้น เรียนรู้เพิ่มขึ้น แช่มเริ่มรู้จักให้เวลา และทางเลือก 
อุทาหรณ์ จากพ่อเด็กชายปลาบู่ แช่มเข้าใจ และเห็นคล้อยตามพี่ใหญ่ส่วนหนึ่ง และแช่ม ยังมีความคิดของตัวเองส่วนหนึ่ง เพราะคนที่เดือดร้อน จากคำพูดนั้น คือผู้คนที่เชื่อ จากวิจารณญาณของเค้า แต่แช่มใช้วิจารณญาณของแช่ม แช่มไม่เชื่อ เลยไม่เดือดร้อน จากคำพูดนั้น และยอมรับด้วย หากเกิดจริง ก็ต้องเกิด ธรรมชาติเป็นธรรมชาติ มนุษย์ตัวเล็กๆจะอะไรกันนักหนา เกิดหนเดียว ตายหนเดียว
คนที่คิดต่างจากป้าแช่ม เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบ คือ ผู้คนที่เชื่อ จากวิจารณญาณของเค้า ตรงนี้ ผู้พูดต้องรับผิดชอบ จะอ้างว่า อยู่ที่วิจารณญาณของผู้ชมไม่ได้ ซึ่งศาลก็ตัดสินอย่างนั้น เพื่อไม่ไห้เป็นเยี่ยงอย่าง ตรงนี้ คือ ความถูกผิด ซึ่งเป็น ขาวกับดำ ซึ่งตัดสินได้ชัดเจน ถ้ากรณีตัดสินไม่ได้ ยังเทาๆ หรือไม่แน่ใจ ก็ยกประโยชน์ให้จำเลยไป ตรงนี้ สังคมก็มีอยู่แล้ว ไม่ใช่จะดำขาวไปทุกเรื่อง พี่ใหญ่เองก็เช่นกัน ถ้าไม่แน่ใจจะไม่เสียเวลาไปพูดเรื่องนั้น แต่ถ้าเห็นว่า ผิดชัดเจน จนต้องแก้ไข ก็จะชี้ลงไปตรงๆ เมื่อมีเวลาว่างเพียงพอ
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
แช่มแค่ขอเวลา เท่านั้นเองเจ้าค่ะ พี่ใหญ่มองแช่มเป็นคนไม่จริงจังไปได้  การทุบไข่ด้วยข้อมูลยาวเหยียด งัดมาทีละคำ แย้งไปมา เพื่อให้พัฒนาความคิดเร็วพลัน พี่ใหญ่ก็เห็น ว่าไข่เริ่มจะเสียศูนย์  แช่มอยากให้ไข่ค่อยๆมองเห็นเอง ยังมีความคิดของตัวเอง ผสมผสานไปกับคำแนะนำของพี่ใหญ่ เท่านั้นเจ้าค่ะ
ถ้าป้าแช่มแค่ขอเวลา เท่านั้นเอง ป้าแช่มได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้  แต่ถ้าป้าแช่มขอประยุกต์ธรรม แบบนี้พี่ใหญ่มอง ป้าแช่มเป็นคนไม่จริงจัง เพราะหาข้ออ้างให้ตัวเอง เหมือนเสกโลโซ ที่อ้างว่า ยาเสพติดต้องรู้จักใช้ รู้จักประยุกต์ให้เกิดความคิดสร้างสรรในการ แต่งเพลงได้ ตนรู้จักเสพจึงไม่ติด และไม่เสีย งานการ แต่สุดท้าย เสกก็คุมมันไม่ได้อย่างที่พูด การทุบไข่ด้วยข้อมูลยาวเหยียด งัดมาทีละคำ แย้งไปมา ... ไม่ใช่ เพื่อให้พัฒนาความคิดเร็วพลัน แต่ เป็นการชี้ขุมทรัพย์ที่ไข่มองไม่เห็น เพราะการมองต่างมุม จึงต้องหาข้อมูล หลักฐานมาอธิบาย โต้แย้ง คัดค้านทีละจุด ไปเรื่อยๆ ขึ้นกับว่า ข้อมูลของใครมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือกว่ากัน เพราะพี่ใหญ่รู้ดีว่า ไม่สามารถบังคับให้ใครเชื่อได้ จึงต้องต่อสู้กันด้วยเหตุและผล ซึ่งพี่ใหญ่ก็ต้องทำการบ้าน พัฒนาความรู้ตนเองด้วย จึงจะมาท้วงติงโต้แย้งได้ หากพี่ใหญ่มาแบบข้างๆคูๆ ก็ถูกสวนกลับได้เหมือนกันนะ เพราะงานนี้ไม่มีใครยอมใครง่ายๆอยู่แล้ว  ดังนั้น จึงต้องระวังความคิด  ระวังตัว เหมือนกันนะจะบอกให้ อิอิ  ส่วนใครจะจนมุมของตัวเองก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ เมื่อหาเหตุผลที่ดีมาอ้างอิงต่อไปไม่ได้ ก็ควรยอมรับ หากจะอ้างแบบข้างๆคูๆมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนฟังคนอ่านก็จะเริ่มรู้สึกได้ รับรู้ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างที่ป้าแช่มว่ามานะนะแหละ นี่จึงไม่ใช่การบีบบังคับใครให้มองเหมือนกัน เพราะ หากเขาไม่ยอมรับ จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เขาสามารถแย้งมาด้วยเหตุผล หลักฐาน ข้อมูลที่ดี ที่น่าเชื่อได้ เมื่อฝ่ายใดให้ข้อโต้แย้งที่ดีกว่า ถูกต้องกว่า น่าเชื่อถือกว่า อีกฝ่ายก็ควรยอมรับ ถ้ายังตัดสินไม่ได้ ก็เอาข้อมูลมาสู้กันต่อไป แต่หากยังไม่ยอมรับ นั่นเป็นเพราะ เขาก็ยังมองไม่เห็นเหมือนเรานั่นเอง พี่ใหญ่เห็นว่าไข่ไม่ได้เริ่มเสียศูนย์ แต่เสียศูนย์มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ห่างวัดมาก็เริ่มอารมณ์เสียง่าย ตอบคำถามในกระทู้คนอื่นก็เริ่มหลุดอารมณ์ก้าวร้าว รุนแรง อารมณ์เสียง่าย ซึ่งป้าแช่มยังว่า ไข่เปลี่ยนไปทางใจร้อนขึ้น และไข่เองก็ยอมรับว่า นี่แหละ ตัวจริงของไข่เลย ลองสังเกตุดู ...เวลาไข่เสียศูนย์ มักจะตอบแบบไม่มีเหตุผลและก้าวร้าว  แต่พอมีสติ ไข่จะเปลี่ยนไปคนละคน  ขอยืนยันอีกครั้ง พี่ใหญ่ มองต่างมุมว่า ป้าแช่มยืดหยุ่นจนไข่กลับมาเสียศูนย์อีกครั้ง  คล้ายๆเด็กเกเรที่มีผู้ใหญ่(แบบพ่อ แม่รังแกฉัน กลัวลูกจะเสียใจ )ให้ทายถือหางอยู่ เด็กเลยได้ใจ  กลับมาฮึดสู้ท้าทายอีก
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
แม่น้ำยังคงเป็นแม่น้ำ หากไหลผ่านโรงงาน น้ำก็ไม่ใสสะอาด แม่น้ำ ต้องการออกซิเจนเพิ่ม ทำความสะอาดตัวเอง ต้องใช้เวลา(อีกแล้ว) ทุกสิ่งในโลกล้วนแตกต่าง พี่ใหญ่ก็บอกเอง ดังนั้นจึงไม่มีแต่ขาวดำ หรือดำอย่างเดียว แต่พี่ใหญ่กำลังบอกให้มีแต่ขาวอย่างเดียวนะเจ้าคะ
เถียงๆๆๆๆ พูดๆๆๆ ยกไปเปรียบกับหมาเลย แช่มยืนยันคำนั้นนะคะพี่ใหญ่ แช่ม เถียงในแนวกะลิ้มกะเหลี่ย ให้พี่ใหญ่ลดความตึงลง ไม่ใช่เถียงแบบจริงจัง หัวชนฝา จริงจัง ก็คือ นี่แหละเจ้าค่ะ วันนี้  
พี่ใหญ่มองไม่เห็นอะลุ้มอล่วยของแช่ม ตอบ คห. แบบมีโทสะหรือเปล่า  ป้าแช่มยังไม่เข้าใจ พี่ใหญ่ ไม่ได้บอกให้มีแต่ขาวอย่างเดียวนะครับ แต่พี่ใหญ่ กำลังบอกให้ทุกสี เป็นสีที่ไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยรู้จักรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง นั่นคือ ...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แม้จะแตกต่างกัน แต่ทุกสิ่งนั้น ควรจะเป็นสิ่งดีๆที่โลกรับรู้ได้ และ ไม่เป็นโทษต่อผู้อื่น แม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ถึงแม้ คำพูด หรือความคิด จะไม่ออกมาบล็อคเดียวกันหมด แต่ทุกคน ควรพูดอย่างมีความรับผิดชอบ ความคิดเห็นของใครก็ของมันก็ถูก แต่ก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเองทุกครั้ง ไม่ใช่สักแต่ว่ามีปากไว้พูด อยากพูดอะไรก็พูด พูดๆๆๆๆๆ  เถียงๆๆๆๆ  ถึงจะเป็นสีขาว ที่แฝงไว้ด้วยยาพิษ นี่ก็ไม่ไหวนะ  จงระวังคำพูด ความคิด  จะพูดอะไรก็คิดให้ดีก่อน ไม่ใช่อยากพูออะไรก็พูดๆไป เพราะ ก่อนพูด เราเป็นนายของคำพูด แต่หลังพูดเสร็จ คำพูดเป็นนายเรา  ดังนั้น เถียงๆๆๆๆ พูดๆๆๆ ยกไปเปรียบกับหมาเลยนะแหละ ชัดเจนดี เข้าใจง่าย จำได้แม่น ....จะได้เป็นสิ่งเตือนใจให้ตัวเองไม่พูดจาซี้ซัว   โบราณจึงมีคำเปรียบเทียบ เรื่องการพูดเปรียบกับหมาไว้เยอะแยะ เช่น ปากเสียยังกะปากหมา เห่าเหมือนหมา พูดกะหมา หมาเลียปาก ก็ในเชิงให้ระวัง การกะลิ้มกะเหลี่ย   เป็นต้น ความอะลุ้มอล่วยเป็นสิ่งดี แต่ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา อาจจะตอบดูแรงไป แต่ชอบตอบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เห็นภาพชัด ให้เข้าใจง่าย
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
แค่คำว่าเถียงๆๆๆ ฉอดๆๆๆ แบบตลกๆ พี่ใหญ่ก็โยนแช่มลงถังขยะ ระบุได้แล้ว ว่าแช่มคิดน้อย ทั้งๆที่ชม ว่าปกติก็ตอบกระทู้ดี เป็นกัลยาณมิตรมาตั้งหลายปี
ยังไงเนี่ย พี่ใหญ่ ไม่ตลกด้วยหรอกครับ ขนาดเถียงคำสอนของพระอริยสงฆ์ เป็นลูกเป็นหลานถูกตีแน่ๆ  ไม่งั้นลามปรามไปกันใหญ่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นี่ขนาดจะประยุกต์คำสอนกันทีเดียว  อย่างนี่แหละครับ เรียกว่าคิดน้อย ที่ว่าป้าแช่มติดเชื้อไข่เน่า เพราะหลังๆเริ่มจะคิดเองเออเองซะละ อย่างไข่เน่านี่ ไม่มีในตำรา ก็ว่าเป็นไปได้ แต่ไม่ยอมพิสูจน์ว่า เป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยมีในตำรา จะสรุปเอาเองดื้อๆเลย ส่วนป้าแช่ม ก็ประยุกต์หลักธรรมเอง ทั้งๆที่ยังไม่เคยลงมือ พิสูจน์ตามคำสอนของหลวงพ่อชาเลย ก็เอาแต่เถียงๆๆๆ ฉอดๆๆๆ แบบตลกๆ เฮ้อ โตๆกันแล้วนะ  ตลกไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา  เฮ้อ
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
งงคำถามอ่าาาาาาาาา การที่เราอ้างว่า เราต่างหวังดี เราคิดว่าเราคิดดี ....มันง่ายเกินไป มัน สมเหตุสมผลแล้วหรือครับ 
คำถาม คือ .... มันง่ายเกินไปหรือไม่ครับ  ที่เราจะอ้างว่า.... เราต่างหวังดี และเราคิดว่าเราคิดดี หากแท้จริงแล้วไม่ดี มัน สมเหตุสมผลแล้วหรือครับ  ที่เราจะอ้างว่า.... เราต่างหวังดี และเราคิดว่าเราคิดดี หากแท้จริงแล้วไม่ดี เวลาไปขึ้นศาล เราพูดแบบนี้ ศาลก็ไม่รับฟังหรอกครับ เพราะ มันง่ายเกินไป ที่จะอ้างแบบนี้ เวลาไปขึ้นศาล เราพูดแบบนี้ ศาลก็ไม่รับฟังหรอกครับ เพราะ มันไม่สมเหตุสมผลที่จะอ้างแบบนี้ สรุปว่า 1เมื่อมีคนแนะเราต่อเอง ...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  2 ถ้าป้าแช่มไม่เชื่อเพราะ มั่นใจ ว่า ตัวเองพูดถูกมาตลอด (สมมติว่า ไม่ถูกอย่างที่ป้าแช่มมั่นใจมาตลอด)...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  3 เมื่อมีคนด่าป้าแช่มในใจ ...แล้วอย่างนี้ ป้าแช่มรับผิดชอบตรงไหน  ยังไงครับ  ช่วยอธิบายให้ชัดๆ ตรงประเด็นไปเลยนะครับ
|
|
|
|
|
|
ผู้ชายคนหนึ่ง
|
แล้วแบบที่สมเหตุสมผล เป็นหลักพุทธศาสนาอย่างเดียวหรือคะ หากคนอ่่าน อื่นๆไม่เข้าใจล่ะคะ เท่าที่ตอบมา แช่มจะตอบตามการดำเนินไปของชีวิต แช่มเคยแนะและอิงธรรมะตลอด แต่หากเจอคำตอบ ว่ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง แช่มก็ไม่สามารถ ใช้ธรรมะน้อมนำใจเค้าได้อีก แช่มจึงต้องปล่อย เท่ากับแช่ม ไม่รับผิดชอบ ด้วยหรือเปล่า
แต่หากเจอคำตอบ ว่ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง แช่มก็ไม่สามารถ ใช้ธรรมะน้อมนำใจเค้าได้อีก แช่มจึงต้องปล่อย นั่นคือ ทำตามหลักธรรมแล้ว เท่ากับ ป้าแช่ม ไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว [/color]
|
|
|
|
|
|
|