KONNICHIWA! พาทัวร์ Japanese Town 
ไม่รู้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์แห่งความสุขนี้ นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมา จึงหยิบซีดี
เพลงญี่ปุ่นของวง J-Rock สุดรักที่ฝุ่นจับตัวหนามาหลายปีแล้วออกมาฟังอีกครั้ง ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ และความรู้สึกแบบญี่ปุ่นก็หวนกลับมาในสมอง ก็เลยคิดได้ว่าในกรุงเทพฯ ฟ้าอมรของเรานั้นมีแหล่งที่ชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่หรือมีร้านค้าอะไรที่ขาย สินค้าแบบญี่ปุ่นบ้างไหม จะได้ไปเปิดหูเปิดตาและหาซื้อของฝากแบบคิขุอาโนเนะสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ กำลังจะมาถึง
ว่าแล้วก็เริ่มต้นลงมือขุดหาข้อมูลทั้งจากเพื่อนๆ และอินเทอร์เน็ตจึงได้ความว่า แถวสุขุมวิทช่วงประมาณซอย 30-39 ถือว่าเป็นย่านที่มีชาวญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่เยอะและมีร้านรวงพอสมควร ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว จึงสลัดคราบหนุ่มเซอร์ หยิบเอาเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำ เข้าชุดกับกางเกงหนังสีเข้ม สวมรองเท้าพื้นหนา ตามแบบฉบับร็อกเกอร์หนุ่มที่เคยใส่เมื่อนานมาแล้ว ออกบินเดี่ยวเที่ยวคนเดียว โดยใช้รถไฟฟ้ามุ่งหน้าสู่สถานีพร้อมพงษ์...และการเดินทางสู่ Japanese Town ก็เริ่มต้นขึ้นครับ
เมื่อเจ้าม้าเหล็กติดเทอร์โบ จอดสนิทที่สถานีพร้อมพงษ์ ทันทีที่ประตูเปิดออกก็รู้ได้เลยครับว่ามาถึงถิ่นพี่ยุ่นแล้ว เพราะป้ายโฆษณาต่างๆ ทั้งสปา ร้านอาหาร ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งสิ้น ก็ยิ้มออกว่าไม่หลงทางแล้วเรา จึงเดินหน้าลงสู่พื้นดิน ระหว่างเดินก็เห็นชายหนุ่มตาเล็กคิ้วเข้ม
แต่งตัวดูทันสมัย และสาวๆ ผิวขาวเนียนในชุดน่ารักเดินพูดจาภาษาบ้านเกิด (ญี่ปุ่น) กันขวักไขว่อยู่บนถนน และวัยรุ่นไทยที่แวะเวียนกันมาสัมผัสวัฒนธรรมแบบชาวญี่ปุ่นกันที่นี่เช่น เดียวกัน โดยในทริปนี้จะขอแยกเป็นหมวดเช่นเคย โดยแต่ละร้านก็มีความน่าสนใจและโดดเด่นที่แตกต่างกัน จะมีอะไรบ้างตามมาอ่านกันครับ
"อร่อยแบบญี่ปุ่นขนานแท้” มาเที่ยวถึง Japanese Town ทั้งทีก็ต้องขอลองอาหารญี่ปุ่นซักหน่อย จะได้อินไปกับทริป กับความอร่อยหลากหลายรูปแบบ ทั้งแนวฟิวชั่น ราเม็ง ซูชิ และปิดท้ายด้วยของหวาน มาเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่กำลังจะไปเที่ยวแถวนั้นครับ
ISAO 
เริ่มต้นกันที่ซอยสุขุมวิท 31 ก่อนครับ กับร้านอาหารญี่ปุ่น “ISAO” ที่เป็นอาหารญี่ปุ่นแนวฟิวชั่น ที่มีกลิ่นอายของอาหารตะวันตกเข้ามาด้วย ทำให้อาหารญี่ปุ่นรูปแบบใหม่ที่มีรสชาติแบบที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน รวมทั้งรูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่าทานอีกด้วย
แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ แต่รสชาติไม่เล็กนะครับ “โออิชิ มว๊ากกกกกๆ” การตกแต่งร้านให้บรรยากาศเป็นเหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นโบราณด้วยการตกแต่งไม้ ไผ่ ผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย โดยคุณๆสามารถเลือกนั่งมุมบาร์ หรือนั่งสังสรรค์ร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆ ก็ได้
เมื่อมาถึงโต๊ะ เกิดหิวน้ำขึ้นมา จึงสั่งชาเขียวเย็นมาดับกระหายกันก่อน รสชาติหอมใบชา มีกลิ่นจางๆ ของข้าวคั่วอีกด้วย (ยกนิ้วโป้งให้ 10 นิ้วเลยครับ) ส่วนเมนูที่น่าสนใจก็มีอยู่ด้วยกันหลายอย่างครับ แต่ถ้าจะต้องแนะนำ ก็ขอเป็น “Vocano” หรือ “หอยเชลล์อบซอส” ที่เสิร์ฟมาทั้งเปลือกหอยราดด้วยซอสสีสดเหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอคอยการระเบิด รสชาติเข้มข้นสมชื่อ หรือลอง “Jackies” (ฟังชื่อแล้วอาจงงว่ามาเกี่ยวกับอาหารได้ไง) เป็นข้าวห่อกุ้งราดด้วยซอสหอมๆ ที่วางเรียงกันและแต่งหน้าใส่ลูกตาให้กลายเป็นมังกรหน้าตาน่ารัก น่าหม่ำ ซึ่งรสชาติก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ จิ้มกับวาซาบิกับซอสโชยุ อร่อยกลมกล่อมเชียวล่ะ และอีกเมนูที่ต้องลองเมื่อมาร้านนี้ครับ “Catapillar” หรือ “ข้าวห่อสาหร่ายสอดไส้ปลาไหลและอโวคาโด้” นั่นเอง ที่มาในรูปแบบเดียวกับ Jackies แต่เป็นสีเขียว เป็นการผสมผสานที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ถ้าอยากรู้ว่าลงตัวขนาดไหนคงต้องมาลิ้มรสกันเองครับ
ร้าน ISAO เปิดให้บริการทุกวัน โดยวันจันทร์ - ศุกร์ ให้บริการเวลา 11.00-14.30 น. และ 17.50 - 22.00 น. ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ ให้บริการเวลา 11.00 - 22.00 น. หมายเลขโทรศัพท์ 02-258-0645-6หรือทางเว็บไซต์ www.isaotaste.com การเดินทางจากถนนสุขุมวิท ให้เลี้ยวเข้าซอย 31 ไปประมาณ 100 เมตร จะเห็นร้านตั้งตระหง่านอยู่ทางซ้ายครับ
ได้เวลาช้อปแล้ว! อิ่มท้องกับของคาวและของหวานกันไปจนพุงกางกันแล้ว ก็ได้เวลาออกมาเดินย่อยอาหารและอิ่มเอมไปกับการเดินดูตรอกซอกซอยของย่าน ญี่ปุ่นแห่งนี้ ซึ่งจุดที่มีบรรดาร้านค้าแบบญี่ปุ่นมากที่สุดเห็นจะเป็น ซอยสุขุมวิท 33/1 ซึ่งเป็นจุดที่มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่มาก ผมก็เลยตั้งใจว่าจะวนเวียนอยู่แถวนี้สักพักใหญ่ และเมื่อได้ซึมซับบรรยากาศจนหนำใจแล้วก็ได้เวลาช้อปปิ้งแล้วล่ะครับ มาดูกันว่าคนญี่ปุ่นเค้าไปซื้อของกันที่ไหน และมีร้านไหนน่าสนใจบ้าง
NEO 3 Prices Shop 
ร้านค้าร้านแรกที่เราจะนำคุณๆมาในวันนี้ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ร้าน Custard Nakamura นีเองครับ โดยคุณๆ ต้องเดินขึ้นมาอีกนิด ก็จะเจอ “NEO 3 Prices Shop” ร้านนี้มีของใช้แทบทุกอย่างให้ได้เลือกสรร ทั้งของใช้ภายในบ้าน ของเล่น และอุปกรณ์แต่งสวน และของกระจุกกระจิกดีไซน์น่ารักๆ อีกมากมายให้ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
การมาร้านนี้ คำว่า “หลงทาง” ลบทิ้งไปได้เลยครับ เพราะร้านเค้าตั้งโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล (ในซอยสุขุมวิท 33/1) ด้วยป้ายร้านสีน้ำเงิน และตัวอักษร NEO สีขาวตัวใหญ่เบิ้ม เมื่อผ่านประตูเข้ามาภายใน ก็จะเจอกับพนัก
งานสาวทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่น (ประมาณว่ายินดีต้อนรับ) ภายในร้านมีขนาดกว้างขวางมาก แอร์เย็นฉ่ำ แสงไฟสีขาวส่องสว่างมองเห็นตัวสินค้าได้ชัดเจน ของบางชิ้น (ที่แปลกๆ) ทางร้านก็มีสินค้าตัวอย่างให้หยิบจับสัมผัสกันได้ โดยสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้ตามใจชอบ บรรยากาศสบายๆ มีเพลงญี่ปุ่นเพราะๆ ให้ฟังตลอดการช้อปด้วย
ที่นี่ทุกท่านจะได้พบสินค้าไอเดียสุดบรรเจิดตามสไตล์เมืองญี่ปุ่นเค้าล่ะ ออกแบบได้อย่างน่ารักน่าใช้งานทั้งสิ้น โดยสินค้ามีทั้งที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น และผลิตจากประเทศอื่นๆ อย่าง จีน เกาหลี ศรีลังกา ฯลฯ สามารถดูได้จากป้ายที่ติดกับแพ็คเกจสินค้าครับ การจัดเรียงสินค้าก็แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้ง่าย เช่น เครื่องเขียน เครื่องครัว ของเล่นเด็ก อาหาร ฯลฯ มีราคาระบุไว้อย่างชัดเจน (มี 3 ราคา ได้แก่ 50, 60 และ 70 บาท) ชอบชิ้นไหนก็หยิบใส่ตระกร้าแล้วมาคิดเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ แถมยังมีโปรโมชั่นแลกซื้อสินค้าเก๋ๆ ในราคาสุดพิเศษได้อีก เช่น เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลขนาดบางเฉียบ ถ้าสนใจก็ซื้อหากันได้ครับ (ในที่สุดก็จัดหูฟังวิทยุเท่ๆ สีขาวมา 1 คู่ ถูกใจมากๆ)
ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะใน Japanese Town สุขุมวิทแห่งนี้ ถ้าอยากรู้ตามผมมาได้เลยครับ
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000063/lang/th/