อัดอั้นตันใจมานานเลยทีเดียวสำหรับ “ดีเจเจ๊แหม่ม” วินัย สุขแสวง ดีเจคลื่นกรีนเวฟของค่ายเอไทม์ ที่ถึงแม้จะทำงานกับที่นี่มา 20 ปี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลาออก เพราะทนความเส็งเคร็งของคนในองค์กรไม่ไหว แม้จะมีการเข้าไปพูดคุยกับ “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” บอสใหญ่เอไทม์ถึงปัญหาดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่พอผ่านไป 2 เดือนผู้บริหารใหญ่ก็ยังไม่แก้ไขปัญหาให้ซักที งานนี้เจ๊แหม่มเลยขอลาออกซะเลย ขอไปทำงานกับคนที่เห็นคุณค่าและให้เกียรติตัวเองดีกว่า ลั่นไม่ได้เนรคุณเอไทม์ เพราะคนที่ทำให้ดังไม่ใช่เอไทม์ที่เดียวเพราะตนทำงานกับหลายบริษัท และทุกที่ก็มีส่วนผลักดัน
“จริงๆ ปัญหามันก็มาจากคราวก่อนนั่นแหละ เรามีปัญหากับคนที่ประสานงาน ที่ผ่านมาทำงานที่นี่มา 20 ปีก็เจอปัญหาอะไรต่างๆ เบี้ยบ้ายรายทางก็แก้กันไป แก้ไม่ได้ก็ผ่านไป ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เราพอมีอะไรที่สบายใจมากกว่าทำ เช่น ธุรกิจส้มตำ เครื่องสำอางค์ แฟชั่นเฮาส์ ละคร รายการทีวี คิดว่าจะมาดูแลตรงนี้ดีกว่า พอเรามีสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น”
“งานวิทยุไม่ใช่ไม่รักแฮบปี้ ถ้าจัดรายการอยู่สิ่งที่อยากทำก็บริหารได้ แต่มาเจอปัญหาเรื้อรังแต่ไม่ได้รับแก้ไขจากหัวหน้างานของเรา(เจ๊ฉอด) หรืออาจแก้ไขอยู่ แต่เรายังต้องเผชิญอยู่ทั้งที่เขา(คนประสานงาน)ไม่ใช่เจ้านายเรา ปะทะเราโดยตรง ทั้งที่เราก็อยู่แบบสวยๆ เฉยๆ นิ่งๆ แต่ทุกอย่างดูเฉยไปด้วย งั้นก็เอาง่ายๆ ตัดสินใจลาออกเพราะอยากตื่นมาทำงานสบายใจ ไม่ใช่ตื่นมาต้องเจออะไรอีกมาวุ่นวายกับฉัน”
“ปัญหาหลักๆ คือคนประสาน คนๆ นี้จะมีหน้าที่ตัดสินใจหาคนโน้นคนนี้มาเสียบถ้าดีเจไม่มา ก็ถามพี่ฉอดเหมือนกันว่าเป็นมือขวาหรือเปล่า ทำอะไรได้ไหม ไม่ได้ต้องทำคนๆ นี้ออก แต่พี่ช่วยจัดการกับคนๆ นี้ได้ไหม พี่ฉอดก็บอกว่าเป็นคนเก่าคนแก่ที่ดูแลกันมาพี่สงสารเขา เราก็บอกไม่ได้ต้องการให้เค้าออก แต่ทำไงก็ได้ไม่ต้องให้มาประสานงานกับหนู พี่ฉอดก็บอกว่าคนๆ นี้ก็มีปัญหากับแบบนี้กับดีเจอีกหลายคน เขาก็บอกพยายามแก้ไขอยู่ ทำอะไรก็มีกฎหมายเรื่องแรงงาน”
“เราเป็นคนทำงานไม่มีปัญหากับใคร ทำงานมานานรู้ว่าพูดจากับคนสำคัญ แต่คนๆ นี้เขาแบบขอคิวล่วงหน้า 30 นาทีจะต้องมีงาน เราบอกทำไมไม่บอกล่วงหน้าเพราะเราต้องเสื้อผ้าหน้าผม แต่เขาต้องการปิดจ็อบงานตัวเองต้องการเอาเราไปให้ได้เขาก็จะได้ทำงานจบแต่เขาไม่นึกถึงเรา ดีเจทั้งหมดดูแลโดยคนนี้ เด็กๆ ก็จะพินอบพิเทาเขาเรียกว่าแม่ แต่เราไม่ได้นับถือหรือเรียกเขาว่าแม่ ไม่รู้เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าถึงทำให้มีปัญหา”
“ก็มีปัญหากันมาเรื่อย แต่ที่มันสุดๆ คงต้องเป็นตอนที่เราลาป่วยไม่มีเสียงจัดรายการ ก็บอกว่าฝากด้วยนะไม่มีเสียงจัดรายการ พอลาไปอีกวันหนึ่งไปจัดกลับมาบ้านเสียงหายอีกก็โทรไปบอกขอลาอีก เขาก็บอกอะไรเป็นอะไรลาอีก 1 วัน ลาวันเว้นวันเลยนะ เราก็เอ๊า..หัวหน้าก็ไม่ใช่ ฉันทำงานกับคุณสายทิพย์ไม่ค่อยลาป่วย ไปดูสถิติเลยถ้าไม่เข้าโรงพยาบาลไม่ลา ตรงนี้มันก็เป็นปัญหาที่ตัดสินใจง่ายขึ้น”
“พี่ฉอดบอกว่าทำงานกับพี่ฉอดมา 20 ปีนอนเซ้นทำไมคนๆ หนึ่งมีอิทธิพลกับเรา ก็นอนเซ้นส์แหละไม่เป็นไร ฟีดแบคปัญหาไปแล้วก็ยังไม่มีอะไรก็ออกไปดีกว่า ดีกว่าเจอคนที่ไม่ใช่หัวหน้าพูดจาแบบนี้ หรือหัวหน้าไม่เห็นทำอะไรเลย ไปหาคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า ไม่ใช่เอาแต่ผลประโยชน์กับเราอย่างเดียว”
“ตอนนี้ยังไม่มีวิทยุที่ไหนมาทาบทามเลย ไม่ใช่ได้งานใหม่แล้วออกเลย แต่ออกเพราะอยากได้ความสบายใจจริงๆ อยู่ที่ไหนก็ได้แล้วสบายใจ ล่าสุดชมพู่ อารยาก็โทรมาเพราะเห็นข่าว ก็บอกพี่ตัดสินใจดีๆ ก็บอกเออ...ฉันตัดสินใจดีแล้ว ก็คงไม่ต่างที่แกตัดสินใจย้ายจากช่องหนึ่งมาอีกช่องหนึ่งเพราะแกก็อยากจะสบายใจเหมือนกันใช่ไหม ชมพู่ก็บอกพี่พูดถูก และก็พูดมาคำนึง คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก”
“ตอนนี้ยังไม่มีสังกัดจะออกมาเป็นฟรีแลนด์ มาทำงานร่วมได้กับทุกองค์กร สำหรับอาชีพดีเจเรารักเป็นสายเลือดรักมากไม่มีวันไหนที่ไม่อยากตื่นมาทำงาน อยากมาตื่นให้เร็วที่สุดมาจัดรายการ แต่พอมีปัญหาแล้วแบบอยากตื่นมาทำงานให้ดีที่สุดและไปให้เร็วที่สุดไปจากบรรยากาศเส็งเคร็งให้เร็วที่สุด คนเส็งเคร็งให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่ได้ทำแค่งานเดียว จบงานนี้ต้องไปทำงานอื่นต่อทำให้พลังในการไปทำงานต่อมันหมด ก็เลยไม่ไหวแล้วมันหมดพลัง แต่พูดเลยว่าอนาคตเราจะไม่ทิ้งอาชีพดีเจแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่เรารักและคนทั่วไปรักเราเพราะอาชีพนี้ เราไม่มีทางเนรคุณกับอาชีพนี้แน่นอน ย้ำนะครับเฉพาะอาชีพ”
ขอบคุณข้อมูลบางส่วน CREDIT BY MANAGER ONLINE SUPER บันเทิง :
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000149609

เป็นกำลังใจให้จากใจนะและจะติดตามผลงานต่อ ๆ ไปครับ