เตรียมตัวเพื่อเรียน “นิติศาสตร์” กับครูพี่ทาม์ย
สำหรับน้องๆ ที่สนใจคณะนิติศาสตร์ นั้น การเตรียมตัวก็ไม่ต่างจากคณะอื่นๆ มากนักครับ นั่นคือเรามีอยู่ 3 ก็อก นั่นคือ ก๊อกแรก คือ “การสอบตรง” ทั้งนี้เพราะในแต่ละมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะที่ธรรมศาสตร์ รับมากถึง 60% ของจำนวนรับทั้งหมด เป็นต้น ก๊อกสอง คือ “แอดมิชชั่น” อันนี้รอนานหน่อย แต่หลายๆ มหาวิทยาลัยก็จะเปิดรับเฉพาะการแอดมิชชั่นเพียงอย่างเดียว เช่นจุฬาฯ ในบางปีก็ไม่เปิดรับตรงเลย ส่วนก๊อกสามนั้น ปลายทางแล้วถ้ายังไม่ได้ในมหาวิทยาลัยรัฐ ไม่เป็นไรเป้าหมายในการเป็นนักกฎหมายยังคุกรุ่นอยู่ ก็สามารถเลือกในเส้นทางนี้ นั่นคือ 1.มหาวิทยาลัยเปิด เช่นรามคำแหง (ซึ่งมีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในด้านนิติศาสตร์) ก็จะมีทางเลือกซึ่งน่าสนใจ 2 ทางคือ การเรียนที่อื่นๆ ไปด้วย แล้วเรียนที่รามไปด้วย (อันนี้เด็ก มธ. มักจะทำกัน ถ้าขยันก็จบ ไม่ขยันก็ไม่จบ เรียนรามก็ไม่ได้ว่าง่ายนะครับ) หรือจะอีกทางคือเรียนรามอย่างเดียวเลย 2.มหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งในปัจจุบันแทบทุกที่จะมีเปิดสอนนิติศาสตร์ และยังมีหลักสูตรนานาชาติที่ ABAC อีกด้วย
ทีนี้พี่ทาม์ยจะขอเล่าเฉพาะใน 2 ก๊อกแรกก่อนละกันครับ เพื่อเป็นการเตรียมตัวที่ดีให้กับน้องๆ ที่อยากเรียนในมหาวิทยาลัยปิด ดังนี้ครับ
1. การรับตรง
1.1 การรับตรงของธรรมศาสตร์ => รับค่อนข้างเยอะ คือรับ 300 คนจากจำนวนรับทั้งหมดต่อปี 500 คน นั่นคือรับตรงเป็นสัดส่วนสูงมากถึง 60% ทั้งนี้ในวิชาที่รับตรงนั้น ประกอบด้วย
(รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.2btopic.com/TU/law.html )
1.1.1) วิชาความรู้ทางกฎหมายและทักษะในการใช้กฎหมาย มีสัดส่วนสูงมากถึง 40%
ซึ่งในวิชานนี้ถือได้ว่าเป็นวิชาที่มีสัดส่วนสูงมากที่สุด เป็นหัวใจของการรับตรงก็ว่าได้ เพราะเป็นทักษะที่ค่อนข้างตรงสาย ทั้งนี้แนวข้อสอบที่ออกจะออกเป็น Multiple Choice ในเนื้อหาตามชื่อวิชา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเนื้อหาการสอบย่อมออกสูงกว่าที่เรียนๆ กันในวิชาสังคมศึกษาในโรงเรียนอย่างแน่นอน เพราะมันจะมีความละเอียดมากกว่า ซับซ้อนมากกว่า หรือเนื้อหามันสูงกว่าระดับ ม.ปลายทั่วไปนั่นเอง ... แต่ทว่าหากน้องคิดที่จะเริ่มเตรียมตัวแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง จะเรียนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะอย่างที่บอก วิชานี้ออกสูงเกินหลักสูตร ดังนั้นที่เรียนๆ มากันทั้งหลายนั้น แทบจะเป็นศูนย์ ก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่นั่นเอง ดังนั้นน้องที่เตรียมตัวก่อน ย่อมได้เปรียบ เพราะตัวบทกฎหมายมันเป็นทักษะเชิงตรรกะ คือ Input ยังไง Output อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง (ตามระบบกฎหมายไทย) พูดง่ายๆ คือเรียนซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญมากขึ้นนั่นเอง (ดังนั้นน้องส่วนใหญ่จึงมักเรียนซ้ำหลายรอบ เนื่องจากเป็นเนื้อหาใหม่ที่ไม่เคยเจอ และสูงเกินหลักสูตรนั่นเอง แต่ทั้งนี้การจะเรียนซ้ำหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล ที่ต้องประเมินตนเองครับ)
1.1.2) ภาษาอังกฤษ มีสัดส่วน 10%
วิชานี้ดูเหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงต้องเตรียมตัวให้ตรงจุดนะครับ เพราะน้องส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นเนี่ย ก็มักจะเข้าใจว่า อ่อ สอบภาษาอังกฤษ ก็เรียนหรือเตรียมตัวภาษาอังกฤษตัวเดียว ใช้เหมือนกันได้หมด แต่ทว่าเอาเข้าจริงมัน "ไม่ใช่" เพราะข้อสอบแต่ละยุด มีจุดประสงค์ในการชี้วัดต่างกัน ดังนั้นจะออกข้อสอบเหมือนกันไม่ได้อยู่แล้ว ตามหลักการ (ซึ่งไม่ใช่แค่วิชาภาษาอังกฤษด้วยนะ วิชาอื่นๆ ก็เช่นกันเช่น คณิตศาสตร์ เป็นต้น ดังนั้นก่อนจะสอบที่ไหน อย่างไรควรศึกษาให้ดีก่อน ใช่ว่าจะถูลู่ถูกังเตรียม ไม่ลืมหูลืมตานะครับ) เพราะว่าการเตรียมสอบ GAT หรือ ONET หรือสอบตรงกลาง ข้อสอบก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้นภาษาอังกฤษของนิติศาสตร์ มธ.ก็เช่นเดียวกัน ย่อมต้องออกเฉพาะตัว (ทั้งนี้เพราะคณะเป็นผู้ออกข้อสอบและจัดสอบเอง) ซึ่งต้องเตรียมให้ดี และทริกง่ายๆ ที่พี่ทาม์ยจะแนะนำคือ ลองคิดง่ายๆ ว่า ภาษาอังกฤษสอบตรง มธ. ออกโดย มธ. เพราะงั้นมันก็น้องๆ TU-GET น่ะแหละครับ แค่ตัดบางส่วนออก (เพราะฉะนั้นมันไม่เหมือน GAT หรือ ONET แน่นอน) คือยังไง ก็คือมักจะออกเกี่ยวกะบทความ เพราะเค้าอยากรู้ว่า จริงๆ แล้วเนี่ย น้องๆมีความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญภาษาอังกฤษเป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง
1.1.3) GAT มีสัดส่วน 30%
ต้องเป็นรอบสอบในเดือน ตุลาคม เท่านั้น และจากสัดส่วนแล้วอย่าลืมนะครับว่ามัน "สูง" จริงๆ ดังนั้นต้องเตรียมให้ดี ทั้งนี้เพราะเตรียมครั้งนี้ก็ยังสามารถเอาไปใช้ยื่นได้ในแอดมิชชั่นอีกด้วย ซึ่งจะกล่าวต่อไป
และแน่นอนว่า หากอยากสอบติดก็ต้องทำคะแนนส่วนนี้ให้ได้คะแนนสูงๆ ไว้ก่อน และแน่นอนควรทำให้ได้เกิน 250 คะแนน จาก 300 คะแนนครั (ไม่ได้ขู่นะ แต่เป็นแบบนี้จริง โดยควรทำในส่วนวิเคราะห์ให้เต็ม 150 ก่อนเพื่อเป็นฐาน แล้วทำภาษาอังกฤษเพิ่มอีก 100 คะแนน)
1.1.4) วิชาเรียงความ/ย่อความ มีสัดส่วน 20%
วิชานี้ไม่ยากและไม่ง่าย ถ้าน้องเป็นคนที่มีทักษะในการจัดลำดับความคิดที่ดี เพราะในส่วนของวิชาเรียงความนั้นจะแสดงให้เห็นถึงทัศนคติโดยรวมๆ ของน้องๆ ถือได้ว่าเป็นคำถามจิตวิทยาพอสมควร แต่ทว่าคำถามจะถามไม่ยากมาก เช่น นักกฎหมายที่ดีควรเป็นอย่างไร เป็นต้น คำถามเรียงความของนิติศาสตร์จะไม่ซับซ้อนและไม่ยากเท่ากับรัฐศาสตร์ ดังนั้นตรงนี้ต้องดูความคิดของตัวเองก่อนว่าตรงกับ Nature ของพวกนิติศาสตร์และธรรมศาสตร์รึเปล่านั่นเอง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากของเด็กไทย คือเขียนเรียงความไม่เป็น เขียนวกไปวนมา อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ตรงนี้ต้องปรับปรุงและเตรียมตัวให้ดี
ส่วนการย่อความ ก็ต้องมีทักษะในการจับใจความสำคัญที่ดี (ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่จะนำไปใช้เป็นพื้นฐานในข้อสอบ GAT วิเคราะห์และภาษาอังกฤษ รวมไปจนถึงการทำหน้าที่นักกฎหมายที่ดีต่อไปในอนาคต) เพราะบางปีออกบทความมากว่า 10 หน้า ให้ย่อเหลือเพียงหน้าเดียวเป็นต้น
(ส่วนในคอร์สเตรียมสอบของ TOPIC คือ LAW + ILT + GAT NETWORK + GAT ENG หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.2btopic.com/TU/law.html )
ทั้งนี้น้องอย่าลืมนะครับว่า ทุกวิชาที่ใช้สอบตรงของธรรมศาสตร์นั้นมีความสำคัญที่จะ "ทิ้ง" ไม่ได้แม้แต่วิชาเดียว
(รายละเอียดเพิ่มเติม --> http://www.2btopic.com/chula/law.html )
*************************************
topicAcademy สถาบันพัฒนาทักษะเพื่อการสอบตรงธรรมศาสตร์และจุฬาฯ