จากประสบการณ์ที่เห็นมาหลายๆ รัฐ 1. เรื่องการก่อสร้างทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือของแต่ละรัฐว่าจะเอาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลกลางที่จะเข้ามายุ่งเลย
2. ภาษีที่จะต้องใช้เป็นเงินสนับสนุนบางส่วนนั้น จะต้องได้รับการอนุมัติจากเสียงของประชาชนก่อนเสมอ
3. รัฐแต่ละรัฐมีลักษณะพิเศษในตัวของการบริหารด้วย
4. ดิฉันเดินทางบ่อยทั้งในรัฐและระหว่างรัฐ สิ่งที่ผู้คนที่นี่ใช้กันบ่อยคือ เครื่องบินส่วนตัวหรือ private jets ซึ่งคิดว่าทางประเทศไทยคงจะมีการใช้น้อยกว่ามาก การเดินทางโดย private jets เป็นการเดินทางที่เร็วและสามารถไปไหนมาไหนในระยะสั้นได้ สนามบินหลายแห่งเป็นของเมืองและของรัฐ (ไม่ใช่ของรัฐบาลกลาง) ดังนั้น regional carriers หรือการใช้ยานพาหนะในการเดินทางแบบนี้ เป็นเรื่องที่สะดวก, รวดเร็วพอสมควร ถ้าไม่ใช้เครื่องบินใหญ่
5. รัฐแต่ละรัฐมี municipal airports เพื่อเครื่องบินเล็กโดยเฉพาะ
6. บริษัทรถไฟเช่น Amtrak อยู่ในสถานภาพขาดทุน เนื่องจากไม่สามารถสู้กับการขนส่งมวลชนในรูปอื่นๆ ได้ (อย่าลืมว่า สัญชาติญาณของคนอเมริกันทั่วไป ชอบกระทำการด้วยตัวเอง) ดังนั้น การขับรถเองจากจุดหมายหนึ่งไปสู่จุดหมายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่สะดวก และกระทำกันอย่างง่ายดาย ตั้ง GPS แล้วก็ทราบว่า จะต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะถึงจุดหมาย ถนนหนทางสะดวก และ Freeway ต่างๆ ไม่ได้ตัดเข้าไปในเมือง
7. การสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ repeated customers หรือผู้โดยสารที่ต้องใช้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ การเดินทางจากเมืองใหญ่ๆ เดือนละหนหรือสองเดือนหนนั้น ไม่สะดวกอย่างแน่นอน จำนวนลูกค้าที่จะใช้บริการ เป็นตัวหลักในการคำนวณว่า ควรจะสร้างหรือไม่สร้าง และ ถ้ามีการขนส่งพืชผลทางการเกษตร ก็จะต้องมีระบบลำเลียงเข้าสู่สถานีอีกต่างหาก ค่าใช้จ่ายและต้นทุนจะเพิ่มขึ้นกว่าเก่าหรือไม่
8. เมืองใหญ่ๆ ที่เชื่อมกันแต่ละรัฐ อยู่ห่างกัน 4-5 ชั่วโมงในการใช้รถยนต์ธรรมดาขับด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง ระยะทาง 300 ไมล์ ก็ใช้เวลา 4- 4 ชั่วโมงครึ่ง รถไฟความเร็วสูงจะใช้เวลาเท่าไร เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
9. คนอเมริกันเดินทางกันเป็นครอบครัว ถ้าออกไปต่างเมืองและไม่ใช่เรื่องธุรกิจ การใช้รถไปสู่จุดหมายปลายทาง (หรือแม้แต่เช่ารถ) คุ้มกว่าการใช้ยานพาหนะอย่างอื่น
10. อย่าลืมว่า รัฐบาลกลาง เป็นเจ้าของกิจการเพื่อ “ผลกำไร” ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของที่นี่ การสร้างรางรถไฟหรือนำตัวรถไฟเข้ามา เป็นเรื่องของการตกลงของฝ่ายเอกชนกัน ส่วนรถเมล์นั้น ทางเมืองเขาสามารถเข้าไปบริหารได้ เพราะเป็นเรื่องของการนำรายได้เข้าเมืองนั้นๆ โดยตรง
ขนาดจะสร้าง freeway ใหม่ ก็ต้องเสียเวลาเจรจากับเจ้าของพื้นที่ ต้องประชุมว่า ต้องตัดผ่านที่ไหน โค้งเท่าไร ประชุมกันเป็นสิบๆ หน รวมทั้ง ประชาชนต้องโหวดอนุมัติให้ด้วย เรื่องแบบนี้ ต้องนำเข้าสู่ Preposition ในการ
เลือกตั้งเป็นอย่างแรก
11.อีกประการหนึ่งคือ รถไฟความเร็วสูงจะเข้ามา “ตัดลูกค้า” ผู้บริโภคในการซื้อขายรถยนต์หรือเปล่า เนื่องจากบริษัทการผลิตรถยนต์อยู่ในรัฐต่างๆ อีกหลายรัฐ พวกนี้เขาต้อง lobby นักการเมืองอย่างแน่นอนที่สุด
รัฐบาลกลางจะเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ ก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าอย่างอื่น
แต่ที่แน่ๆ คือ เมื่อระยะทางไกลออกไปมากขึ้น การใช้เครื่องบินธรรมดา, เครื่องบินเล็ก (regional / private jets) จะเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่สุดค่ะ
ดิฉันคิดว่า รถไฟความเร็วสูงจะประสบความสำเร็จ ถ้าทั้งสายมีระยะทางน้อยกว่า 500 ไมล์ (800 กิโลเมตร) ถ้าไกลกว่านั้น เครื่องบินจะได้เปรียบอย่างแน่นอน
จากคุณ ดวงจำปา USA.



