แม็ค บราเซล 5 กรกฏาคม 1947แม็ค บราเซลกับลูกชายชื่อวิลเลี่ยม ดี. พร็อคเตอร์ ได้ขี่ม้าออกสำรวจฟาร์มปศุสัตว์ และพบเห็นซากโลหะประหลาดตกลงมาในไร่ กระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง
พันตรีเจสซี่ มาร์เซล (Jesse Marcel) 6-7 กรกฎคม 1947 กองทัพอากาศของสหรัฐประจำรอสเวลล์ ก็มาถึงรวมถึงนาวาอากาศตรีเจสส์ มาร์เซลด้วย มีการรขึงเชือกกันบริเวณไม่ให้ใครเข้าใกล้ กล่าวกันว่าเพียงสองชั่วโมง ทหารก็เก็บซากโลหะประหลาดออกไปและที่สำคัญ มีพยานเห็นทหารนำศพมนุษย์ประหลาดออกจากซากจานบินตกด้วย และทุกอย่างก็ถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด
8 กรกฎาคม 1947 - นาวาเอกวิลเลี่ยม บลันชาร์ด เมื่อทราบข่าว ได้สั่งให้วางกำลังรายล้อมคอกปศุสัตว์โดยด่วน
- แม๊ค บราเซล ถูกสอบหนัก พร้อมทั้งถูกข่มชู่จากนายทหาร
- บาย2 โมง สำนักข่าวเอพี ราย
งานข่าวด่วนว่า กองทัพอากาศสหรัฐพบจานบินตกที่รอสเวลล์
- ทั่วโลกเริ่มประโคมข่าว
- นาวาอากาศตรี อี เอ็ม เคอร์ตัน ให้ออกข่าวว่า ซากที่พบเป็นเพียงซากบัลลูนตรวจอากาศ
- ทั้งพลอากาศจัตวาโรเจอร์ เรมีย์ และ เจสส์ มาร์เซล ออกข่าวและถ่ายภาพกับซากประปลาด และกล่าวว่า ซากดังกล่าวตรวจสอบแล้วเป็นซากบัลลูนตรวจอากาศเท่านั้น (เกือบ 10 ปี ต่อมา ที่เจสส์ มาร์เซล เปิดเผยความจริงว่า กองทัพตบตาหลอกลวง เพราะแท้ที่จริงแล้วมันคือซาก จานบินจริง)
- แม๊ค บราเซล ยังคงถูกคุมตัวในเมืองรอสเวลล์
- เกลนน์ เดนนิส สัปเหรอ ในรอสเวลล์ ได้ถูกนายทหารนายหนึ่งโทรศัพท์สอบถามถึงการเตรียม โลงศพขนาดเล็ก และการรักษาศพโดยไม่ต้องเปลี่ยน้ำยาเคมี เกลนน์ เล่าว่าทีแรกนึกว่าบุคคลสำคัญ เสียชีวิต แต่ยังไม่อยากเปิดเผย
9 กรกฎาคม 1947 พยาบาลนางหนึ่งในโรงพยาบาลกองบิน บอกกับเกลนน์ เดนนิสว่า หล่อนเป็นศพมนุษย์ต่างดาว และเขียนภาพให้เกลนน์ดูด้วย
11 กรกฎาคม 1947 เกลนน์ เดนนิส โทรศัพท์ไปหาเพื่อนพยาบาลคนเดิมเพื่อซักถามบางประการ ปรากฎว่า ทางโรงพยาบาลบอกว่า เธอย้ายออกจากโรงพยาบาล และไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ใด
15 กรกฎาคม 1947 แม็ก บราเซลกลับบ้าน
ปลายเดือน กรกฎาคม 1947 ไม่มีใครคาดคิด แม็ค บราเซล เปิดเผยเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์อย่างเปิดอกและกล่าวว่า ตนถูกกองทัพข่มขู่อยางขมขื่นมากกันยายน 1947 นางพยาบาลเพื่อนของ เกลนน์ เดนนิส ถูกฆ่าตายปริศนาที่กรุงลอนตอน ประเทศอังกฤษ
ปี 1969 จ่าอากาศเมลวิน อี. บราวน์ เปิดเผยว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยปกปิดความลับที่รอสเวลล์ และยังเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยนำศพมนุษย์ต่างดาวไปยังโรงพยาบาลที่รอสเวลล์
ปี 1978 เจสส์ มาร์เซลและอีกหลายคนออกมาเปิดเผยความจริงว่า ซากดังกล่าวไม่ใช่บัลลูนแน่อนอน
ปี 1980 ชาร์ลส์ เบอร์ลิตช์ และ ลิลเลี่ยม แอล.มัว ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ The Roswell Incident โด่งดังไปทั่วโลกปี 1989 ศูนย์ค้นคว้าวิจัยจานบิน ของ ดร.เจ อัลเลน ไฮเน็ค ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจบริเวณที่พบซากจานบินปี 1991
หลังจากนั้นอีกกว่า 30 ปีจึงมีหลักฐานใหม่ขึ้นมาอีกชิ้น ในปี 1984 เอกสารลับขององค์กรลับที่ชื่อว่า Majestic 12 หรือ MJ12 ผุดขึ้นต่อสาธารณชน เอกสารฉบับนี้ระบุว่ามีการศึกษาจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่พบที่รอสเวลล์ เมื่อปี 1947 มันถูกใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีจานบินตกในรอสเวลล์จริง
ฝ่ายที่เชื่อเรื่องจานบินมีจริง เฮอยู่ได้ไม่นานก็มีการพิสูจน์ว่าเอกสารลับ MJ12 ฉบับนี้เป็นของปลอม สรุปว่าเมื่อตัวเอกสารปลอมเรื่องราวที่อยู่ในเอกสารก็เป็นเรื่องไม่จริงด้วย แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว การที่เอกสารฉบับนั้นเป็นของปลอมมันบอกแค่เพียงเอกสารฉบับนั้นปลอมเฉยๆ มันไม่ได้พิสูจน์ว่า MJ12 ไม่มีจริงหรือเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ต่อมา
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2554 ถึงเรื่องที่หลายคนต่างให้ความสนใจและถกเถียงกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยระบุว่าข้อมูล "เอ็กซ์-ไฟล์" ของหน่วยงาน "เอฟบีไอ" อ้างว่า วัตถุลึกลับจากนอกโลกมีจริง และเคยประสบอุบัติเหตุตกบนโลกมนุษย์ช่วงปี 1950
บันทึกลับสุดยอดดังกล่าว เผยทฤษฎีสมคบคิด ว่า วัตถุจากต่างดาวเคยตกที่เมืองรอสเวลล์ ในนิวเม็กซิโก ของสหรัฐฯ ก่อนถูกส่งไปตรวจสอบต่อยังฐานทัพอากาศ "แอเรีย 51" ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา ซึ่งวัตถุที่ไม่สามารถระบุที่มาได้นั้น มีรูปร่างเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางราว 50 ฟุต พบพร้อมร่าง 3 ร่าง สูงเพียง 3 ฟุต แต่ละรายอยู่ในภาวะหมดสติ สวมเครื่อง
แต่งกายจากโลหะอย่างดี เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว
อุบัติเหตุครั้งดังกล่าวเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์แนวไซไฟ หลังข้อมูลของ เอฟบีไอ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ และมั่นใจว่าจะกระตุ้นทฤษฎีสมคบคิดเรื่องการมีอยู่จริงของมนุยต์ต่างดาว ที่ถูกปกปิดมาโดยตลอดได้ ด้าน นิก โป๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้าน อูเอฟโอ ชาวอังกฤษ ผู้สอบสวนวัตถุลึกลับทางอาการของกระทรวงกลาโหม ระบุเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) ว่า ข้อมูลดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่า มนุษย์ต่างดาวและยานอวกาศ "มีอยู่จริง"
สำหรับการพบจานผีลึกลับพร้อมนุษยต์ต่างดาวนั้น ให้ข้อมูลโดย กาย ฮอตเทล เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประจำวอชิงตัน และภายหลังข้อมูลถูกเปิดเผยสู่สาธารณะเมื่อ 22 ก.ค. 1947 ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านเกลียดชังต่อเจ้าพนักงานคนดังกล่าว เขาเผยว่า ยูเอฟโอ ตกเพราะรัฐบาลติดตั้งเรดาร์พลังงานสูงในพื้นที่นั้น ส่งผลให้ก่อกวนการควบคุมของยานอวกาศ ส่วนรายชื่อของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบ ถูกขีดทับด้วยหมึกดำไม่สามารถระบุตัวตนได้
อย่างไรก็ดี ข้อมูล เอฟบีไอ ชุดดังกล่าวถูกเปิดเผยบนอินเตอร์เน็ตพร้อมกับเอกสารอีกกว่าพันฉบับ เรียกว่า "เดอะ โวลต์" ซึ่งสนับสนุนเหตุการณ์ของ ฮอตเทล ?ทั้งสิ้น และในปีเดียวกันวัตถุลึกลับยังถูกพบอีก แต่เป็นลักษณะ 6 เหลี่ยม จับภาพได้ด้วยเคเบิ้ลบนบอนลูน.