หายากเหลือเกิน สำหรับข้อมูลการสอบเข้าของที่ CMMU, College of Management, Mahidol University
ก็เลยอยากเขียนไว้ให้สำหรับคนที่ีต้องการข้อมูลในการเรียนที่นี่
ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ ก็จบจาก ICT มหิดล ทำไมต้องบอก เพราะมันมี benefit จากการเรียนมาสู่ป.โทของที่นี่
หลายๆคน คงไม่รู้จักที่นี่ น้อยคนนักที่จะรู้จัก ขนาดเป็นเด็กมหิดลด้วยกันเองก็ยังไม่รู้จักเลย
เพราะคณะค่อนข้างใหม่ แต่ถึงยังไงป.โทที่นี่ก็ตั้งมานานกว่า ICT
ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของคณะนี้ ว่าเปิดอะไรบ้าง ค่าเทอมเท่าไหร่ เรียนยังไง
CMMU's Site เวปนี้จะมีรายละเอียดทุกอย่างที่ต้องการในภาพรวม ถ้าเรียนภาค Inter ข้อมูลก็จะเป็นภาษาอังกฤษหมด ก็ต้องยอมรับว่า blank เหมือนกันตอนอ่านข้อมูล อ่านยังไงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าสรุปว่ามันเรียนเกี่ยวกับอะไร จนต้องไป open house ถึงพอจะรู้บ้าง แต่ก็ไม่ช่วยอยู่ดี ลองมาเรียนเองดีกว่า
หายากเหลือเกิน สำหรับข้อมูลการสอบเข้าของที่ CMMU, College of Management, Mahidol University
ก็เลยอยากเขียนไว้ให้สำหรับคนที่ีต้องการข้อมูลในการเรียนที่นี่
ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ ก็จบจาก ICT มหิดล ทำไมต้องบอก เพราะมันมี benefit จากการเรียนมาสู่ป.โทของที่นี่
หลายๆคน คงไม่รู้จักที่นี่ น้อยคนนักที่จะรู้จัก ขนาดเป็นเด็กมหิดลด้วยกันเองก็ยังไม่รู้จักเลย
เพราะคณะค่อนข้างใหม่ แต่ถึงยังไงป.โทที่นี่ก็ตั้งมานานกว่า ICT
ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของคณะนี้ ว่าเปิดอะไรบ้าง ค่าเทอมเท่าไหร่ เรียนยังไง
CMMU's Site เวปนี้จะมีรายละเอียดทุกอย่างที่ต้องการในภาพรวม ถ้าเรียนภาค Inter ข้อมูลก็จะเป็นภาษาอังกฤษหมด ก็ต้องยอมรับว่า blank เหมือนกันตอนอ่านข้อมูล อ่านยังไงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าสรุปว่ามันเรียนเกี่ยวกับอะไร จนต้องไป open house ถึงพอจะรู้บ้าง แต่ก็ไม่ช่วยอยู่ดี ลองมาเรียนเองดีกว่า
ขั้นตอนการเข้าเรียนของที่นี่
- apply online: ที่นี่จะเปิดรับสมัคร 3 ช่วง
ช่วงแรกจะตอนเดือน พ.ย. และ เดือน ม.ค. เปิดสองรอบ แต่เรียนพร้อมกันเดือน พ.ค.
ช่วงที่สองเปิดตอนประมาณเดือน เม.ย มั้งนะ
ช่วงที่สาม เปิดตอนเดือนสิงหา เริ่มเรียน ม.ค. ซึ่งจอยเข้ามารอบนี้
หลังจาก registered เรียบร้อย ก็ไปจ่ายเงินค่าสมัคร
upload เอกสารทั้งหลายแหล่ id card, transcript, picture, Statement of Purpose
SOP ที่นี่ ขอแค่หน้าเดียวพอ ไม่ต้องเขียนมาเยอะ
ถามว่าเค้าเอามาอ่านตอนไหน... ตอนสอบสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้น SOP ไม่มีความหมายในการเรียกสัมภาษณ์
สำหรับรูปภาพ รูปนี้จะเป็นรูปที่ติดบัตรนักศึกษานะค่ะ จะต้องอยู่กะตัวไปอีก 2 ปี เลือกรูปมาดีๆน๊า
หลังจากนั้นเค้าก็จะประกาศ Qualified Applicants เลือกจากอะไร ก็น่าจากที่สมัครไป จ่ายตังไป ก็น่าจะได้หมด
ประกาศเสร็จแล้ว ก็จะเรียกมาสอบ Test English by Wall Street Institute และสอบอีกอย่างคือ Amptitude Test
จอยไม่ต้องสอบทั้งสองอย่าง เพราะอังกฤษที่เรียนที่คณะ ICT 2 ตัวสุดท้าย B+ ขึ้น อันนี้ก็คือ benefit ที่พูดถึง
ส่วนอีกอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ต้องสอบ ...
การสอบ Test Eng ก็เป็นการทำข้อสอบในคอม ทำเสร็จถ้าผิดเยอะจัด เค้าก็จะตัดไม่ให้เราสอบต่อ ไปสอบพูดได้เลย ก็จะเป็นการสอบกับฝรั่ง เค้าก็คุยนู่นคุยนี่ เป็นการทดสอบเราว่าฟังรู้เรื่องไหม พูดได้ไหม
พอสอบเสร็จ ก็รอประกาศผลรอสัมภาษณ์
ถามว่าได้กันหมดไหม... ก็เกือบนะ ยกเว้นแต่คนนั้นอังกฤษจะห่วยจริงๆ
เราจะรู้ผลได้จากคะแนนเฉลี่ยที่เราไปสอบวันนั้นต้องอยู่ที่ประมาณ 8 ถ้าไม่ติด แสดงว่าอังกฤษคะแนนต่ำ
สอบสัมภาษณ์
ของจอยเรียน NV, New Technology Venture คนน้อยมาก รุ่นจอย 3 คนเอง
การสัมภาษณ์ก็สบายๆ สัมภาษณ์กับ program chair
ก็จะโดนถามประมาณว่า ทำไมถึงอยากมาเรียนที่นี่ คิดว่าในอนาคตอีก5ปีข้างหน้ามองตัวเองเป็นยังไง
คิดว่าจะทำโปรเจคจบแบบไหน เพราะเนื่องจากที่นี่มีให้เลือก 4 options
ส่วนใหญ่ก็ทั่วไป เป็นการทดสอบมากกว่าว่าเราฟังเค้ารู้เรื่องไหม เราจะเรียนไหวไหม
สัมภาษณ์เสร็จก็รอประกาศผล ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะได้กันหมดนะ ยกเว้นแต่คนไม่มาสอบสัมภาษณ์
ก็เป็นอันเสร็จ เป็นนักศึกษาปริญญาโทเต็มตัว
ตอนเค้าประกาศผลเค้าก็จะมีบอกด้วยว่าเราต้องเรียน pre-course ไรเพิ่มไหม เหมือนเป็นการปรับพื้นฐาน
ก็มีวิชา Accounting กับ Eng1 and 2 อังกฤษก็จัดโดย Wall Street
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://blog.eunchoy.com