ควันหลงจากการเมืองมะกันเรื่องของอภิมหาเศรษฐี "นายโดนัลด์ ทรัมป์" ที่พลิกล็อคเอาชนะการเลือกตั้งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมาชนิด “หักปากกาเซียน” และโพลล์เกือบทุกสำนัก
แต่แทนที่อเมริกันชนจะแสดงความยินดีปรีดาชื่นชมกับว่าที่ผู้นำใหม่ของตนที่จะมากอบกู้ชาติ Make America Great Again กลับก่อหวอดประท้วงลามเลียไปหลาบสิบมลรัฐ แสดงอาการยี้ประดังออกมาท่วมท้น มีจ่อจะกลายเป็นวิกฤติจลาจลกลางเมืองเช่นที่เคยเคยข้ึนในบ้านเมืองเราเมื่อ 2-3 ปีก่อนยังไงยังงั้น
เห็นแล้วก็ให้สะท้อนมาถึงอภิมหาเศรษฐีเมืองไทย อย่าง “เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์” ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซี.พี.) ที่นิตยสารฟอร์บส์เพิ่งประกาศจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจาก”ตระกูลลี” เจ้าพ่อซัมซุงของเกาหลีใต้ ด้วยทรัพย์สิน 27,700 ล้านดอลล่าร์หรือ 9.7 แสนล้านบาทจากการดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์ ปศุสัตว์ครบวงจร ค้าปลีก 7-Eleven และโทรคมนาคม
แต่กระแสตอบรับจากผู้คนในสังคมนั้นแทนจะชื่นชมในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจในเครือซี.พี.ที่ทะยานขึ้นไปติดทำเนียบเอเชียได้ ก็กลับออกมาในทิศทางตรงกันข้าม มีการเปรียบเปรยไปว่าเหตุที่ทำให้เจ้าสัวผงาดขึ้นมาร่ำรวยติดทำเนียบโลกได้ เพราะการผูกขาดธุรกิจ “กินรวบ” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทั้งโรงงานอาหารสัตว์ เมล็ดพันธ์ ผูกขาดทั้งการปลูกและเลี้ยงสัตว์เอง แปรรูปเองและจัดจำหน่ายขายเองครบวงจรแทบจะไม่มีที่ยืนให้ผู้คน โดยเฉพาะการสยายปลีกธุรกิจค้าปลีกรายย่อย “7-Eleven”ที่รุกคืบกลืนโชห่วยจนแทบจะสูญพันธ์
วันก่อน นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการเครือซี.พี.ก็ออกมาแถลงข่าวเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ออกมาตรการช่วยเหลือชาวนาด้วยการเปิดจุดรับซื้อข้าวตรง 18 จุดทั่วประเทศเพื่อนำไปสีเป็น “ข้าวชาวนาไทย” ขายในราคาต้นทุน 5 กิโลกรัม 125 บาท ไม่บวกกำไรผ่านร้านในเครือซีพี - ทรูช็อปทุกช่องทาง รวมทั้ง 7-อีเลฟเว่นอีกกว่า 9,400 สาขาจนกว่าสถานการณ์ข้าวจะดีขึ้น พร้อมยืนยันเครือซี.พี.พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายภาครัฐช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร
แต่กระนั้นเสียงสะท้อนที่ที่ออกมาในโลกโซเชียลก็กลับตรงข้ามแทนจะชื่นชมในความเสียสละเอื้ออาทรที่ภาคธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่ไม่ทอดทิ้งเกษตรกรชาวไร่ชาวนาก็กลับตรงกันข้ามมีแต่กระแสถล่ม มองว่าเป็นแค่หน้าฉากนายทุนเอาใจรัฐ หรือทำแบบฉาบฉวยเอาหน้าเท่านั้น พร้อมหันไปหยิบยกกรณีที่มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังการรุกคืบผูกขาดกินรวบธุรกิจ ทั้งยังอยู่เบื้องหลังผูกขาดธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และโมเดิร์นเทรดจนโวห่วยดั้งเดิมแทบจะสูญพันธ์
นัยว่าล่าสุดนี้ยังรุกคืบทำอาหารปิ่นโต อาหารกล่องพร้อมทานที่กำลังทำเอาแม่ค้าข้าวแกงสะท้านไปทั่งบางเพราะต้นทุนที่ขายในร้านเซเว่นนั้นถูกแค่ 25-35 หรือ 40 บาทเท่านั้น นี่ก็นัยว่าเตรียมจะตั้งตู้หยอดเหรียญขายอาหารสำเร็จรูปที่แค่หยอดเหรียญอาหารกึ่งสำเร็จรูปแบบพร้อมทานจะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อุด้ง หรือข้าวกล่องพร้อมทานก็สามารถเลือกโปรแกรมการอุ่นไวด้วยไมโครเวฟที่ใส่เข้ามาไว้ในตู้เสร็จสรรพ โดยตู้กดอาหารดังกล่าวคาดว่าคงจะกระจายเข้าไปยังชุมชน มหาวิทยาลัย วัด หรือหน่วยงานราชการที่เซเว่นฯยังไม่สามารถเปิดสาขาได้
ไม่แต่เท่านั้นล่าสุดสัวยังดอดไปจับมือกับแจคหม่า เจ้าพ่ออาลีบาบเจ้าของ แอนท์ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ผู้ให้บริการแอสเซนด์ มันนี เตรียมรุกบริการทางการเงิน(ฟินเทค)ในไทยประเภทสินเชื่อและเครดิตแก่ประชาชนผ่านเครือข่ายร้าน 7-Eleven ทั่วไทย ที่นัยว่าคงทำเอาแบงก์น้อยใหญ่สะท้านกันไปทั้งบาง
จึงไม่น่าแปลกใจที่เหตุใด ผู้คนถึงไม่อินังขังขอบกับความมั่งคั่งร่ำรวยของ “เจ้าสัว” แต่ออกจะก่อกระแสยี้เสียอีก!
มันสะท้อนให้เห็นอะไรบ้างนั้น คงเป็นข้อคิดที่ “เจ้าสัว” คงต้องกลับไปทบทวนตัวเองแล้ว โดยเฉพาะกับคำว่า “ศาสตร์แห่งความพอเพียง" ที่ “ในหลวง” ของเราให้ไว้นั้นเครือซี.พี.และ 7-Eleven ได้ทำเต็มที่แล้วหรือยัง?!!!