รมช.กระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้านโยบายด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาคนสู่ศตวรรษที่ 21 หนุนเด็กไทยต้องได้เรียนโค้ดดิ้ง (Coding) พร้อมพัฒนาหลักสูตรให้เป็นรูปธรรม ให้ทันโลกดิจิทัลและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการสอดรับกับนโยบายหลักที่รัฐบาลได้นำเสนอไว้คือ การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพคนไทยทุกช่วงวัย และการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางพลวัตรที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง โดยเป้าหมายอย่างแรกที่ตั้งใจจะผลักดันให้ประสบความสำเร็จคือ การเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เพื่อมุ่งหมายที่จะเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตให้เป็นระบบ มีเหตุ มีผล และมุ่งหวังให้เยาวชนไทยใช้ชีวิตก้าวทันโลกในศตวรรษที่ 21
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเรียนรู้โค้ดดิ้ง (Coding) โดยกำหนดไว้ในนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา และกระทรวงศึกษาธิการก็มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการสื่อสารภาษาต่าง ๆ ของเด็กไทย ทั้งภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ตลอดจนภาษาคอมพิวเตอร์ หรือโค้ดดิ้ง (Coding) ซึ่งเป็นทักษะภาษาใหม่ที่จะใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีในอนาคต ทำให้เข้าใจการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และหุ่นยนต์ สอดคล้องกับการเตรียมกำลังคนของประเทศให้มีทักษะเท่าทันโลกยุคดิจิทัล มีอาชีพ ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“การสนับสนุนให้เด็กไทยจะต้องพูดได้อย่างน้อย 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่การเรียนภาษามักจะพูดถึงแต่ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงมีโครงการ English for all ที่เคยทดสอบทดลองไปแล้วตั้งแต่ชั้นอนุบาล จึงมองว่าต้องการให้เด็กไทยได้เรียนเพิ่มอีก 1 ภาษา คือภาษาคอมพิวเตอร์ หรือโค้ดดิ้ง (Coding) นั่นเอง ซึ่งเป็นทักษะใหม่ในยุคนี้และเด็กสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา เพื่อให้เกิดทักษะที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือที่เราให้คำจำกัดความที่ว่า “Coding for all, all for coding” เนื่องด้วยความมุ่งหวังอยากให้คนไทยทุกคนได้มีทักษะการโค้ดดิ้ง(Coding) ในโลกยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยไหนหรือสาขาอาชีพใด และทุกๆอย่างในชีวิต หรือเทคโนโลยีรอบตัวล้วนแล้วสัมพันธ์กับการโคดดิ้ง(Coding) ทั้งนั้น ฉะนั้นการโค้ดดิ้ง(Coding) ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับทุกคนในการเพิ่มพูนทักษะและจับต้องได้ในยุคนี้ จึงเป็นที่มาของแนวคิดเพื่อการประชาสัมพันธ์ผ่านสโลแกน “โค้ดดิ้ง ง่ายกว่าที่คิด พิชิตยุคดิจิทัล”
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยต่อว่าจะเริ่มนำร่องสอนภาษาโค้ดดิ้ง (Coding) ในเดือนพฤศจิกายนนี้เลย โดยจะมีการอบรมครูในการนำสอนโค้ดดิ้งจำนวน 1,000 คนในเดือนตุลาคมนี้ พอเปิดเทอมในเดือนพฤศจิกายนก็สามารถสอนได้เลย เพราะครูเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่แล้วในการสอนโค้ดดิ้ง ถือเป็นโชคดีของประเทศที่มีครูที่มีพื้นฐานเหล่านี้อยู่จำนวนมากโดยกระทรวงศึกษาธิการพร้อมที่จะขับเคลื่อนโค้ดดิ้ง (Coding) ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจากสำนักงานส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่สามารถอบรมให้กับครูวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สมัครใจและมีความพร้อมจะเรียนรู้เรื่อง Coding ซึ่งหากดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเรียนรู้โค้ดดิ้ง (Coding) ของเด็กในพื้นที่ห่างไกลกับเด็กในเมืองได้อีกด้วย
“ซึ่งในระดับชั้น ป.1-3 จะเป็นการเรียนการสอนที่ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ เรียกว่า Unplugged Coding และถ้ามีพื้นฐานอย่างมีระบบ ต่อไปก็สามารถสื่อสารกับเครื่องได้ในการเรียนระดับต่อไปไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องการสอนโค้ดดิ้ง (Coding) เท่านั้น ขณะนี้จะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศให้โค้ดดิ้ง (Coding) เป็นนโยบายสำคัญของชาติ รวมทั้งกำหนดให้นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศเรียนภาษาโค้ดดิ้ง (Coding) ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับจีนที่ประกาศให้การจัดการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง (Coding) เป็นนโยบายสำคัญของประเทศเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม การเรียนโค้ดดิ้ง (Coding) จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และไม่ต้องห่วงว่าโค้ดดิ้ง (Coding) จะเป็นสิ่งที่ยากเกินสำหรับเด็กๆ หรือบุคคลทั่วไป เพราะ.. Coding ง่ายกว่าที่คิด พิชิตยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ภาษาโค้ดดิ้ง คือการคิดเป็นระบบ คิดแบบมีตรรกะ และมีระบบในการแก้ปัญหา แม้เด็กจะไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักคอมพิวเตอร์ แต่ทุกคนต้องมีการวางแผนการจัดการอย่างเป็นขั้นตอนในการดำเนินชีวิต ซึ่งเราจะนำสิ่งเหล่านี้ไปใส่ในเด็กไทยให้ได้