แต่ก่อนถ้าพูดถึงการผ่าตัดคงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะในการผ่าตัดแต่ละครั้งมีความเสี่ยงในเรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างสูง แถมยังทิ้งรอยแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่ไว้อีก ทำให้สาว ๆ หลายคน ใส่โชว์เนื้อหนังมังสามากไม่ได้จนกลายเป็นปมด้อยของสาว ๆ แต่ในยุคนี้หมดเป็นห่วงเรื่องเหล่านี้กันได้เลยค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องมือทางการแพทย์ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมากโดยเฉพาะเครื่องมือทางการผ่าตัดที่นำกล้องเข้ามาใช้ในการผ่าตัดเราเรียกการผ่าตัดแบบนี้ว่า การ
ผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งมีข้อดีหลายอย่างมากทั้งทางด้านการรักษาและผลรับของการรักษา อย่างแรกที่จะเห็นได้ชัดเลยคือ รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดจะเล็กมาก แถมยังใช้เวลาในการพักฟื้นตัวน้อยกว่าเดิมหลายเท่า ส่วนข้อดีทางการแพทย์คือ ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถวินิจฉัยโรคที่ผู้ป่วยเป็นได้
แม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะมีหลายคนเกิดความสงสัยว่าการส่องกล้องนั้นสามารถช่วยวินิจฉัยโรคหรือภาวะบางอย่างได้ยังไงบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
การ
ผ่าตัดส่องกล้อง มักจะใช้เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคหรือภาวะบางอย่างดังนี้
ตรวจหาเนื้องอก
•สุ่มตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจ
•ตรวจอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ไส้ติ่ง ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ม้าม และกระเพาะอาหาร
•ตรวจหามะเร็งที่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
•ตรวจหาการท้องนอกมดลูก โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบในผู้หญิง
•ตรวจหาเนื้อเยื่อพังผืด (เนื้อเยื่อแผลเป็นในท้อง) เนื้องอกมดลูกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง การติดเชื้อ หรือถุงน้ำ
บางครั้ง แพทย์อาจใช้การ
ผ่าตัดส่องกล้อง เป็นทางเลือกในการรักษานอกเหนือจากการผ่าตัดแบบปกติ เช่น
•ทำหมันหญิง
•ผ่าตัดไส้เลื่อน
•ผ่าตัดเอาบางอวัยวะออก เช่น มดลูก ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ ม้าม ถุงน้ำดี ไข่ ไต หรือไส้ติ่ง
•ผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่บางส่วนหรือกระเพาะอาหารออก
•ผ่าตัดข้อเข่าหรือข้อไหล่
•ผ่าตัดลดน้ำหนัก (Bariatric surgery)
แหละหัวใจสำคัญที่สุดในการ
ผ่าตัดส่องกล้อง คือ ต้องเลือกผู้เชี่ยวชาญของทีมแพทย์เรื่องการ
ผ่าตัดส่องกล้อง โดยเฉพาะเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีความพร้อมในการวินิจฉัย วางแผน และให้ทำการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล เพื่อความปลอดภัยของผู้รักษาค่ะ